อาการของผู้ที่มีอาการเหงือกร่นจนคอฟันสึก
การเลือกแปรงสีฟันที่ใช้ในการทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี
การเลือกยาสีฟันที่ใช้ในการทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี
สั่งซื้อสินค้า ดูรายละเอียดสินค้า

เหงือกร่น คอฟันสึก เสี่ยงทำให้เกิดอาการเสียวฟัน สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฟันผุ
การเลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงที่แข็งมากๆและใช้วิธีการแปรงฟันแรงๆ ไปมาบนผิวฟัน และแปรงฟันเป็นเวลานานจะทำให้ฟันสะอาด ใช่หรือมั่ว ชัวร์หรือไม่?
ถ้าหากหลายๆคนยังคิดอยู่แบบนี้ บอกได้ทันทีเลยว่า “เหงือกจ๋า…….ฟันขอลาก่อน” อย่างแน่นอน เพราะการกระทำแบบนี้จะก่อให้เกิดผลเสียต่อฟันและเหงือกเป็นอย่างมาก เพราะการเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงที่แข็ง ถูไปมาเพื่อทำความสะอาดฟัน โดยใช้เวลาในการแปรงฟันนานเกินไปบนผิวฟัน จะมีแต่ทำให้เกิดการทำลายเนื้อฟันโดยที่เราไม่รู้ตัว โดยจะทำให้เกิดอาการเหงือกร่นและคอฟันสึกได้ การสึกของฟันนี้จะทำให้ชั้นเคลือบฟันโดนทำลาย ซึ่งอาการฟันสึกมักพบได้กับทุกๆ ซี่ของฟัน แต่มักพบมากในฟันกรามน้อยและเขี้ยว เพราะเป็นตำแหน่งที่สัมผัสกับแปรงสีฟันโดยตรง
เหงือกร่น หรือที่เรียกว่า (Gingival Recession) คืออาการที่เนื้อเยื่อเหงือกบริเวณรอบ ๆ ร่นเข้าไปหารากฟันและทำให้เห็นตัวฟันมากขึ้นจนเผยให้เห็นรากฟันทำให้เนื้อฟันสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียมากขึ้น อาการเหงือกร่นไม่สามารถรักษาให้หาย หรือกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ทำได้เพียงป้องกันเหงือกไม่ให้ร่นขึ้นหรือลงไปเพิ่มมากขึ้น หากถ้ามีการแปรงฟันที่ผิดวิธีและจากการแปรงฟันที่แรงเกินไป หรือเลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งจนเกินไปร่วมด้วยแล้ว การที่จะมีอาการคอฟันสึกก็จะตามมาได้เช่นกัน และถ้าหากเกิดอาการคอฟันสึกร่วมด้วยแล้ว ก็จะทำให้เกิดอาการเสียวฟันและปวดฟันได้ หากคนไข้ละเลยก็จะทำให้เกิดอาการฟันผุและจะทำให้เกิดความเสียหายของกระดูกฟัน จนทำให้ฟันไม่แข็งแรงและสูญเสียฟันไปในที่สุด ซึ่งวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับขนาดของเหงือกที่ร่นขึ้นไปและขนาดของคอฟันที่สึกไป ตื้นหรือลึกแค่ไหน หากคอฟันที่สึกไปจนทะลุโพรงประสาทฟันก็จะต้องรักษารากฟันร่วมด้วย แต่ถ้าหากไม่ลึกก็สามารถทำการรักษาได้โดยวิธีอุดฟัน หรือเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินและหาวิธีแก้ไขต่อไป
สาเหตุของเหงือกร่นจนฟันสึก
อย่างที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น เหงือกร่นจนทำให้คอฟันสึก เกิดได้จากการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเรา รวมไปถึงพันธุกรรมได้เช่นกัน ซึ่งจากการใช้ชีวิตประจำวันก็เกิดขึ้นได้จากหลายๆสาเหตุด้วยกัน ดังต่อไปนี้
1. การเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนที่แข็งจนเกินไป เพราะการเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็งจนเกิดไปมาทำความสะอาดช่องปากและฟัน ขนที่แข็งๆก็จะไปทำลายเนื้อฟันและสารเคลือบฟันได้
2. การแปรงฟันที่ผิดวิธี การแปรงฟันที่ผิดวิธีนั้น จะทำให้ฟันไม่สะอาดแล้ว ยังส่งผลต่อเหงือกที่จะได้รับการอักเสบและฟันที่สึกเพิ่มขึ้นได้
3. การใช้เวลาในการแปรงฟันที่นานจนเกินไป นอกจากจะทำให้ฟันไม่สะอาดเหมือนการแปรงฟันที่ผิดวิธีแล้ว ก็ยังจะส่งผลต่อเหงือกและฟันได้อีกด้วย
4. การใช้ยาสีฟันที่มีผงขัด หรือมีลักษณะที่หยาบมากๆ เป็นประจำ การเลือกใช้ยาสีฟันที่มีผงขัดมากและมีลักษณะผงที่หยาบมากเกินไป ก็จะไปทำลายเนื้อฟันและสารเครือบฟันได้ รวมไปถึงทำลายเนื้อเยื่อของเหงือกและฟันได้เช่นกัน
5. การแปรงฟันที่แรงจนเกินไป ก็จะทำให้เหงือกเกิดอาการอักเสบได้ และหากมีพฤติกรรมแบบนี้เป็นเวลานานๆ เป็นประจำ ก็จะทำให้ เหงือกร่นและคอฟันสึกได้
6. สุขภาพอนามัยช่องปากที่ไม่ดี การแปรงฟันไม่สะอาด ไม่ใช้ไหมขัดฟันหรือน้ำยาบ้วนปาก อาจก่อให้เกิดหินปูนเกาะระหว่างเหงือกและฟันได้ ซึ่งหากไม่รักษาก็จะทำให้เกิดเหงือกร่นในที่สุด
7. อาการบาดเจ็บที่เหงือก เช่น การทำศัลยกรรมเหงือกและปากเพื่อความสวยงาม หรือการเล่นกีฬาจนทำให้เกิดอุบัติเหตุที่อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บบริเวณปาก อาจทำให้เนื้อเยื่อเหงือกตายและร่นเข้าไปที่รากฟันได้เช่นกัน
8. การใส่อุปกรณ์จัดฟันที่ไม่พอดี อุปกรณ์จัดฟันที่แน่นเกินไป หรือไม่เข้ากับรูปฟันของคนไข้ จะทำให้เหงือกอ่อนแอ และร่นลงจนเห็นเนื้อฟันมากขึ้น
9. โรคปริทันต์อักเสบ เป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุด และเป็นตัวการที่ทำให้เกิดอาการเหงือกร่น ซึ่งเกิดจากการอักเสบของเหงือก จนทำให้อวัยวะที่อยู่รอบตัวฟัน เช่น กระดูกรอบ ๆ รากฟันถูกทำลายจนมีขนาดลดลง เป็นสาเหตุทำให้เหงือกร่นตามลงมาด้วย
10. พฤติกรรมผิดๆที่ติดเป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน เกิดได้ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว รู้ตัวเช่น การแปรงฟันที่ผิดวิธี หรือการเลือกใช้แปรงสีฟันที่ไม่เหมาะกับฟัน ที่ไม่รู้ตัว เช่นการเคี้ยวฟันขณะนอนหลับหรือ การกัดฟัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดแรงกดฟัน ส่งผลไปยังเหงือก ทำให้เหงือกอ่อนแอลงจนร่นลงไปที่โคนฟันได้
11. พันธุกรรม ลักษณะทางพันธุกรรมบางอย่างที่ผิดปกติที่ถ่ายทอดกันมาในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น อาจทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับเหงือกและฟันได้
12. การสูบบุหรี่ บุหรี่เป็นตัวการสำคัญให้เกิดคราบพลัคที่ยากต่อการทำความสะอาด และบุหรี่ยังมีสารพิษที่สามารถทำลายเหงือกและฟันได้ หากทิ้งไว้เป็นเวลานานจะทำให้เกิดคราบหินปูน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดเหงือกร่นและคราบเกาะติดอยู่ที่ฟันได้
13. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ผู้ที่อยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือนและสตรีมีครรภ์ จะมีระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติ จะทำให้เหงือกอ่อนแอซึ่งส่งผลต่อสุขภาพเหงือกได้โดยตรง จนง่ายต่อการอักเสบและการสูญเสียเนื้อเยื่อของเหงือกและฟันได้
อาการของผู้ที่มีอาการเหงือกร่นจนคอฟันสึก
อาการของเหงือกร่นที่เห็นได้ชัดคือ ลักษณะเหงือกที่เปลี่ยนไป คือเนื้อเหงือกจะร่นลงจนเห็นตัวฟันมากขึ้น หากเป็นมาก ๆ ก็อาจจะทำให้เห็นบริเวณคอฟันหรือรากฟันได้ชัด นอกจากนี้ ยังอาจพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ถ้าคอฟันสึกเล็กน้อยจะไม่มีอาการ แต่ถ้าคอฟันสึกมากๆ ผู้ป่วยอาจมีอาการเสียวฟันและปวดฟันร่วมด้วย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวานจัด เปรี้ยวจัด เย็นจัด หรือเสียวฟันขณะแปรงฟัน ซึ่งหากปล่อยให้ฟันสึกไปเรื่อย ๆ โดยไม่เข้ารับการรักษา ฟันจะสึกมากขึ้น เข้าไปใกล้โพรงประสาทฟัน และจะก่อให้เกิดมีอาการอื่นๆตามมาเช่น ดังต่อไปนี้
1. ทำให้เกิดอาการเสียวฟันเพิ่มมากขึ้น
2. ทำให้เกิดอาการปวดฟัน
3. มีเลือดออกจากการแปรงฟัน หรือใช้ไหมขัดฟัน
4. ฟันโยกหรือมีลักษณะดูยาวกว่าปกติ
5. รู้สึกเจ็บบริเวณเหงือกและมีอาการบวม
6. ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น
7. ปากเหม็น
8. เหงือกบวมแดง
“ในการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ที่เป็นเหงือกร่นจนคอฟันสึกนั้น ในการกัดหรือเคี้ยวอาหาร ค่อนข้างลำบาก และยิ่งมีอาการเสียวหรืออาการปวดมากขึ้นบริเวณเหงือกและฟัน อีกทั้งหากมีอาการเหงือกร่นติดต่อกันเป็นเวลานานโดยไม่มีการรักษาที่ดีพอ ก็จะทำให้บริเวณที่เหงือกร่นกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค นำมาสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆตามมาได้ อาการเหล่านี้ในเริ่มแรกอาจยากจะสังเกตเห็นได้ เนื่องจากอาการนี้จะค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละเล็กละน้อย แต่หากอาการเริ่มมากขึ้น ผู้ป่วย หรือแพทย์จะสังเกตเห็นลักษณะเหงือกที่ร่นลงไปที่โคนฟันได้มากขึ้น ทั้งนี้ แพทย์จะคาดคะเนความลึกของคอฟันที่สึก และหาสาเหตุของโรคเหงือกอื่นๆร่วมด้วย โดยเมื่อพบสาเหตุแล้วแพทย์ก็จะเริ่มรักษาในขั้นตอนต่อไป ”
การรักษาอาการเหงือกร่น
การรักษาอาการนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดเหงือกร่นว่าสาเหตุเกิดมาจากอะไร แต่ทั้งนี้เหงือกที่เสียหาย จะไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แต่อย่างใด ซึ่งหากแต่ทำได้เพียงรักษาเหงือกที่เหลืออยู่ไม่ให้ร่นลงไปมากกว่าเดิมเท่านั้น และป้องกันอาการแทรกซ้อนที่ส่งผลให้เกิดโรคปริทันต์อื่น ๆ ในบางกรณีอาจต้องส่งต่อคนไข้ให้กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคเหงือกเพื่อการรักษาและตรวจสอบที่ตรงจุดและถูกวิธี โดยในระหว่างการรักษาคนไข้จะต้องรักษาความสะอาดของช่องปากให้มากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาภายในช่องปากรวมไปถึงอาการของเหงือกและฟันอื่นๆที่จะตามมาซ้ำซ้อน ซึ่งการรักษาก็สามารถแบ่งออกตามสาเหตุการเกิดได้ดังนี้
พฤติกรรมการแปรงฟันที่ผิดและการใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งเกินไป
ในกรณีที่พบว่าสาเหตุเกิดจากการแปรงฟันแรง ๆ แพทย์จะแนะนำวิธีการแปรงฟันใหม่ให้เหมาะสมมากขึ้น ซึ่งผู้ป่วยควรปฏิบัติตามเพื่อไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น
สาเหตุจากโรคปริทันต์ จากการดูแลช่องปากที่ไม่สะอาด
แพทย์จะทำการเกรารากฟันและขูดหินปูน เพื่อขจัดคราบหินปูนที่เกาะติดตามฟันออก ซึ่งจะช่วยให้เนื้อเยื่อเหงือกแนบสนิทกับฟัน และหากมีอาการอักเสบของเหงือกร่วมด้วย แพทย์จะใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการอักเสบให้หาย ซึ่งคนไข้จะต้องใช้ยาอย่างเคร่งครัดตามที่แพทย์ได้กำหนดไว้ และคนไข้เองจะต้องรักษาความสะอาดของช่องปากให้มากขึ้นเป็นพิเศษโดยเพิ่มเติมในส่วนของการใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาป้วนปากร่วมด้วย ในการทำความสะอาดช่องปาก
สาเหตุจากการใส่อุปกรณ์จัดฟันที่ไม่พอดี
หากผู้ที่จัดฟันได้มีการใส่อุปกรณ์ในการจัดฟันที่ไม่พอดีและเกิดมีอาการเหงือกร่น แพทย์ผู้ดูแลก็จะปรับอุปกรณ์จัดฟันให้พอดีกับช่องปากมากขึ้น จะช่วยให้อาการไม่เลวร้ายลงไปกว่าเดิมได้ แต่อย่างไรก็ตามเหงือกที่ร่นขึ้นหรือลงไปนั้น ก็จะไม่สามารถกลับมาคงสภาพเดิมได้อีกต่อไป
“ในกรณีที่เหงือกร่นมีอาการรุนแรง เช่นเนื้อเหงือกร่นลงมาจนเห็นรากฟันชัดเจนหรือจนมีอาการ คอฟันสึกร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดเข้ามาเป็นทางเลือกให้คนไข้ โดยวิธีผ่าตัดทางทันตกรรมที่มักใช้ ได้แก่”
การซ่อมแซมกระดูก
ในกรณีที่กระดูกที่รองรับฟันเกิดความเสียหายจากอาการเหงือกร่น แพทย์จะทำการซ่อมแซมกระดูกและเนื้อเยื่อ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีที่จะช่วยให้ฟันไม่เกิดความเสียหาย โดยแพทย์จะใช้เนื้อเยื่อเหงือกที่เพาะเลี้ยงภายนอก หรือเยื่อบุผิวเหงือกมาใช้ร่วมด้วยในการรักษา เพื่อให้ร่างกายจะค่อย ๆ ซ่อมแซมกระดูกและเนื้อเยื่อ เมื่อการรักษาได้ผลตามที่ต้องการแล้วเนื้อเยื่อของเหงือกจะขึ้นมาปิดรากเหงือกได้ใกล้เคียงของเดิม
การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อเหงือก
ซึ่งเป็นวิธีการการผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายเนื้อเยื่ออ่อน ๆ บริเวณร่องฟันที่หายไปจากอาการเหงือกร่น โดยจะนำเอาเนื้อเยื่อจากบริเวณเพดานปากมาเย็บปิดบริเวณที่มีรากฟันโผล่ออกมา แต่หากคนไข้ยังมีเนื้อเยื่อเหงือกบริเวณรอบ ๆ ฟันเพียงพอ แพทย์ก็จะใช้เนื้อเยื่อบริเวณเหล่านั้นแทน วิธีนี้อาจไม่ทำให้เหงือกกลับมาสู่สภาพปกติได้สมบูรณ์แต่ก็ช่วยให้รากฟันที่โผล่ออกมาจากอาการเหงือกร่นปลอดภัยจากการติดเชื้อ หรือการอักเสบได้
การป้องกันไม่ให้เกิดอาการเหงือกร่น เหงือกร่นสามารถป้องกันได้หลากหลายวิธี โดยเริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันของตนเอง และรักษาทำความสะอาดภายในช่องปากให้ดีและถูกวิธีอยู่เสมอ โดยมีวิธีการดังต่อไปนี้
เลือกแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม เพื่อป้องกันความเสียหายของเหงือกและฟัน อีกทั้งควรแปรงฟันตามที่แพทย์แนะนำและให้ใช้ไหมขัดฟัน น้ำยาป้วนปากร่วมด้วยอย่างระมัดระวัง
พบทันตแพทย์อย่างน้อยทุกๆ 6 เดือน เพื่อเข้าตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งหรือทุกๆ 6 เดือน ก็จะช่วยให้เฝ้าระวังอาการเหงือกร่นและคอฟันสึกได้ และสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที
รับประทานอาหารที่ประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อเหงือกและฟัน หลาย ๆ ชนิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถบำรุงสุขภาพเหงือกให้แข็งแรงได้
ลดหรือเลิกการสูบบุหรี่
สารพิษจากบุหรี่เป็นสาเหตุให้เกิดคราบฟันและเหงือกร่นได้ หากสามารถลดปริมาณการสูบหรือเลิกสูบบุหรี่ จะช่วยได้ก็จะช่วยให้ความเสี่ยงในการเกิดอาการเหงือกร่นและคอฟันสึกลดลง
“วิธีเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันอาการเหงือกร่นได้เท่านั้น แต่ยังช่วยชะลอความเสียหายของเหงือกในผู้ที่มีอาการเหงือกร่นอยู่แล้ว แต่หากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วอาการยังคงลุกลามอย่างรวดเร็วควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างจริงจังต่อไป”
การรักษาอาการคอฟันสึก
จะขอแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อหลักๆตามอาการดังนี้
1. คนไข้ที่มีคอฟันสึกเล็กน้อย ไม่มีอาการใดๆ เช่นไม่เสียวฟันหรือไม่รู้สึกปวดฟัน ก็ไม่จำเป็นต้องรักษา หรือไม่ คนไข้ก็สามารถเลือกบูรณะได้ด้วยการอุดฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟัน ทำให้ฟันกลับมามีลักษณะเป็นตัวฟันสวยงามเหมือนเดิม
2.คนไข้ที่มีคอฟันสึกไม่มาก และมีอาการเสียวฟันหรือปวดฟันในบางครั้ง หมอจะแนะนำให้ใช้ยาสีฟันชนิดที่มีส่วนผสมของสารลดการเสียวฟัน ซึ่งก็จะใช้ระงับอาการได้เป็นครั้งคราว หรืออาจจะใช้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วยเพื่อลดในการปวดฟัน
3.คนไข้ที่มีคอฟันสึกมาก แพทย์ก็จะอุดบริเวณคอฟัน โดยใช้สารที่เรียกว่า Composite Resin หรือ Glass ionomer เพื่อคงสภาพฟัน และรักษาอาการเสียวฟันและอาการปวด
4.คนไข้ที่มีคอฟันสึกถึงโพรงประสาทฟัน คนไข้จะมีอาการปวดต้องทำการรักษาคลองรากฟัน แล้วตามด้วยการอุดฟัน หรือครอบฟัน หากคนไข้ประเมินดูตัวเองแล้วถึงขั้นนี้ ก็ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาและหาวิธีรักษาและแก้ปัญหาต่อไป
ลักษณะคอฟันสึกที่ควรรีบเข้ารับการรักษา
1. มีอาการเสียวฟัน ขณะรับประทานอาหารเย็น หวาน หรือขณะแปรงฟัน
2. ขาดความสวยงาม เนื่องจากสีและรูปร่างฟันผิดไปจากปกติ
3. รอยสึกของฟันค่อนข้างลึก
4. มักมีเศษอาหารติดบริเวณรอยสึกเป็นประจำ
การเลือกแปรงสีฟันที่ใช้ในการทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี
1. ควรเลือกหัวแปรงสีฟันขนาดพอเหมาะกับช่องปากของตัวเอง ความกว้างหัวแปรงสีฟันผู้ใหญ่ไม่ควรเกิน 1.5 เซนติเมตร การใช้แปรงสีฟันที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องปากมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดซี่ฟันด้านในได้อย่างทั่วถึง
2. เลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงชนิดปานกลาง (medium), นุ่ม (soft) หรือนุ่มพิเศษ (extra soft) เพื่อลดการทำอันตรายต่อผิวฟัน และขอบเหงือก
การแปรงฟันที่ถูกวิธีเพื่อป้องกันการร่นของเหงือกและคอฟันสึก
เพราะฟันเป็นส่วนที่ใช้ในการบดเคี้ยวอาหาร ดังนั้น การดูแลฟัน ฟันหน้า และฟันบนฟันล่างจะมีวิธีการแปรงที่ต่างกัน ขั้นตอนการแแปรงฟันที่ถูกต้อง คือ วางขนแปรงบริเวณขอบเหงือกโดยทำมุม 45 องศา กับรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน โดยวางขนแปรงให้อยู่ในซอกเหงือกและฟัน ขยับหัวแปรงไปมาเบาๆ เป็นวงกลมขณะที่ปลายขนแปรงอยู่ในตำแหน่งเดิม ทำเช่นนี้กับฟันแต่ละซี่ ใช้เวลาแปรงซี่ละประมาณ 10 วินาที
การแปรงฟันด้านนอก
วางแปรงระหว่างเหงือกและฟันทำมุม 45 องศา ใช้วิธีการแปรงเป็นวงกลมและปัดออก ฟันด้านบนปัดขนแปรงลง และฟันด้านนอกปัดขนแปรงขึ้น
การแปรงฟันด้านใน
การแปรงฟันหน้าส่วนล่างด้านใน ฟันหน้าด้านล่างทำมุม 45 องศา เอียงแปรงขึ้น โดยเอาปลายแปรงกดเบาๆ ระหว่างรอยต่อและนวดไปมาเบาๆแล้วปัดขึ้นด้านบน ส่วนฟันบนด้านในก็ทำเช่นเดียวกันกับฟันหน้าส่วนด้านล่าง
การแปรงฟันบดเคี้ยว
วางปลายขนแปรงให้ตั้งฉากกลับฟันบดเคี้ยวกดเบาๆ ไปมาด้วยความแรงพอประมาณทั้งฟันบนและฟันล่าง
การแปรงลิ้น
หลังแปรงฟันทุกครั้งแนะนำให้คนไข้แปรงลิ้นด้วย โดยเฉพาะบริเวณโคนลิ้น เพราะลิ้นเป็นแหล่งสะสมคราบสิ่งสกปรกของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป และคราบเหล่านี้เป็นแหล่งกำเนิดของกลิ่นปากและเชื้อแบคทีเรีย
“ดังนั้น คนไข้สามารถใช้แปรงสีฟันอันเดิมได้ หรือเลือกซื้อแปรงสีฟันให้เหมาะกับตัวเองก็ได้ หรือสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดลิ้นเพิ่มเติม ที่มีลักษณะเป็นด้ามจับปลายโค้ง บางชนิดมีหัวแปรง ใช้สำหรับขูดบริเวณโคนลิ้นเพื่อขจัดเศษอาหารได้ดีเหมือนกัน”
การเลือกยาสีฟันที่ใช้ในการทำความสะอาดช่องปากอย่างถูกวิธี
ควรเลือกยาสีฟันที่มีส่วนผสมฟลูออไรด์ในการทำความสะอาดช่องปาก และช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวเคลือบฟัน ปริมาณการใช้ยาสีฟันที่เหมาะสม คือ ใช้ยาสีฟันประมาณ 0.5 เซนติเมตร ในการทำความสะอาดแต่ละครั้ง หรือประมาณเท่าเม็ดถั่วเขียวบีบไปบนแปรงสีฟันก็เพียงพอแล้ว ยาสีฟันบางยี่ห้อมีการเติมสารไตรโคซานและสารไธมอล ที่มีประสิทธิภาพในการลดเชื้อที่เป็นโรคเหงือกฟันผุแล้ว ซึ่งวิธีการเลือกยาสีฟัน มีวิธีการเลือกดังต่อไปนี้
1. ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของ สารฟลูออไรด์ เพื่อป้องกันฟันผุ
ฟลูออไรด์ เป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพและดีที่สุด โดยสามารถป้องกันได้ทั้งฟันที่ยังไม่ขึ้นมาในช่องปาก และฟันที่ขึ้นในช่องปากแล้ว เหมาะสำหรับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ฟลูออไรด์ที่นำมาใช้ในทางการแพทย์ มีอยู่ 2 รูปแบบ คือ ฟลูออไรด์แบบรับประทาน และ ฟลูออไรด์แบบเฉพาะที่
ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้มีความสามารถในการป้องกันฟันผุได้เหมือนกัน และจะต้องได้รับภายใต้การดูแลของแพทย์ ส่วนฟลูออไรด์ที่ผสมอยู่ในยาสีฟันนั้นมีปริมาณน้อยจึงไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย เหงือกและฟัน บุคคลทั่วไปสามารถใช้ได้ตามปกติในการทำความสะอาดช่องปาก
2. เลือกยาสีฟันที่มีเนื้อละเอียด
การเลือกยาสีฟันที่มีลักษณะเนื้อหยาบในการทำความสะอาดช่องปากจะทำให้เกิดการทำลายผิวเคลือบฟันในขณะที่มีการแปรงฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดฟันสึกกร่อนได้ ลักษณะของเนื้อยาสีฟันที่ทั่วไปมีอยู่ จะแบ่งออกเป็น แบบเนื้อครีม แบบผง และแบบเนื้อเจล
แบบเนื้อครีม เนื้อของยาสีฟันจะมีความละเอียดและไม่เป็นอันตรายต่อผิวเคลือบฟันและเป็นยาสีฟันที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบันที่นำมาทำความสะอาดช่องปาก
แบบผงขัดฟัน ส่วนใหญ่จะมีเนื้อหยาบ หากใช้ผงขัดฟันมาทำความสะอาดช่องปากไปนาน ๆ หรือแปรงฟันไม่ถูกวิธีอาจจะทำให้ผิวเนื้อฟันสึกกร่อนได้ แพทย์ไม่แนะนำให้ใช้ยาสีฟันแบบนี้ และไม่ค่อยนิยมใช้ปัจจุบันในการนำมาทำความสะอาดช่องปาก
แบบเนื้อเจล เป็นยาสีฟันที่มีเนื้อละเอียดมากกว่าเนื้อครีมและประสิทธิภาพในการแทรกซึมดีกว่าแบบเนื้อครีมและแบบผงขัดฟัน และยังไม่เป็นอันตรายต่อเคลือบผิวฟัน ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ในผู้ที่มีอาการเสียวฟัน และใช้กันอย่างแพร่หลายในยุคปัจจุบัน
3. เลือกยาสีฟันตามลักษณะสุขภาพและปัญหาช่องปากและฟันของแต่ละบุคคล
ปัจจุบันมียาสีฟันหลากหลายรูปแบบเพื่อรองรับ ให้ผู้บริโภคเลือกซื้อตามความต้องการตามลักษณะสุขภาพและปัญหาช่องปากของแต่ละบุคคล เช่น ยาสีฟันที่ช่วยลดอาการเสียวฟัน สำหรับคนที่มีอาการเสียวฟัน, ยาสีฟันช่วยให้ฟันขาว สำหรับคนที่มีปัญหาสีฟัน, ยาสีฟันที่ช่วยป้องกันฟันผุ, ยาสีฟันที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในช่องปาก เป็นต้น
สรุป
เหงือกร่น คอฟันสึก เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ฟันผุได้ หากเราเริ่มต้นในการดูแลช่องปากหรือการทำความสะอาดช่องปากที่ไม่ดี อย่างเช่น การเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแข็งเกินไป, การเลือกใช้ยาสีฟันที่ไม่ตรงจุดกับปัญหาของตนเอง รวมไปถึงการมีพฤติกรรมแบบผิดๆในการใช้ชีวิตในการดูแลช่องปาก เช่น การนอนกัดฟัน การแปรงฟันแต่ละครั้งเป็นระยะเวลาที่นานเกินไป หรือ อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ ก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าอาการเหงือกร่นจนทำให้คอฟันสึกจนต้องสุญเสียฟันนั้น จะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม หากเรามีการดูแลช่องปากที่ถูกวิธี เช่น การแปรงฟันที่ถูกวิธี การเลือกซื้อยาสีฟันตรงตามจุดเพื่อแก้ปัญหาช่องปาก หรือการตรวจเช็คช่องปากของตนเองอยู่เป็นประจำ รวมไปถึงการพบ แพทย์ปีละ 2 ครั้ง หรือทุกๆ 6 เดือน เพื่อเข้าตรวจเช็คปัญหาช่องปากและแก้ปัญหาได้อย่างถูกวิธีและทันเวลาแล้ว เท่านี้ ไม่ว่าปัญหาใดๆ เรื่องฟัน ก็เป็นปัญหาเล็กๆ สำหรับคุณ พร้อมกับมีรอยยิ้มที่ดึงดูดให้คนที่อยู่ใกล้ชิดได้ไม่น้อยเลย
Ep.1 เหงือกร่นเกิดจากอะไร
Ep.2 เหงือกร่นเกิดจากอะไร
สั่งซื้อสินค้า หรือดูรายละเอียดสินค้า คลิก!!!
ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ฟรี
Line : สาขาศรีราชา
Line : สาขาพัทยา