ฟันปลอม
“ รอยยิ้ม ” ที่สวยงาม มีเสน่ห์ ใครๆก็อยากมี เพราะเป็นสิ่งแรกที่สร้างความประทับใจให้กับเราตั้งแต่แรก เห็น แต่ในทางกลับกันรอยยิ้มที่ไม่สวยหรือไม่มีฟันก็สร้างความกังวลให้กับตัวเอง ไม่กล้ายิ้ม เนื่องจากไม่มั่นใจในตัวเอง ยิ้มที ก็โดนล้อที
ในเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถช่วยคุณได้ ไม่ต้องกลัวและรู้สึกอายอีกต่อไป เรามีตัวช่วยดี ๆ อย่าง ฟันปลอมที่มาในรูปแบบของฟันปลอมทดแทน เพื่อที่จะมาเสริมความมั่นใจให้เรากลับมายิ้มได้ อย่างเต็มที่อีกครั้ง นอกจากฟันปลอมจะช่วยให้ความมั่นใจแล้ว ยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้นด้วยในกรณีที่สูญเสียฟันหลัง เพราะถ้าฟันกรามหายไปจะทำให้เราเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด
สำหรับใครที่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับฟันปลอมหรืออยากที่จะใส่ฟันปลอมแต่ยัง ไม่ทราบรายละเอียด ว่าฟันปลอมมีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันยังไง ข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ วันนี้เรามาคุยกันพร้อมกับยิ้มรับฟันปลอมที่จะมาสร้างรอย ยิ้มที่สวยงามไปพร้อม ๆ กัน
ฟันปลอม คืออะไร
ฟันปลอม คือ ฟันที่มาทดแทนฟันที่สูญเสียไป ซึ่งอาจจะสามารถใส่เข้าและถอดออกจากปากของเราได้ เรียก ฟันปลอมถอดออกได้ หรือ อาจจะถอกออกไม่ได้ก็ได้ เรียก ฟันปลอมติดแน่น ซึ่งวัตถุประสงค์หลักๆ ของฟันปลอมคือ เพื่อความสวยงาม เพื่อสำหรับการเคี้ยวอาหาร การพูด การกลืนอาหาร
แม้ว่าฟันปลอมอาจจะต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคย ปรับตัว เพื่อฝึกหัดการใช้ฟันปลอม แต่ทุกคนก็สามารถปรับต้วได้ในไม่นาน จนลืมไปเลยว่ากำลังใส่ฟันปลอมอยู่ แล้วในปัจจุบันฟันปลอมก็ดูเป็นธรรมชาติมากๆ และมีความสะดวกสบายมากกว่าเมื่อก่อนอีกด้วย
ฟันปลอมประเภทไหนเหมาะสำหรับคุณ
ในการใส่ฟันปลอม มีหลายแบบ โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท
1. ฟันปลอมแบบถอดได้ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท
A) ตามขนาดชิ้นงาน คือ
- แบบทั้งปาก ฟันปลอมที่ใส่แทนสำหรับผู้ที่ไม่มีฟันเหลืออยู่ในช่องปากเลย โดยยึดอยู่บนสันเหงือก บนเพดาน หรือ บนรากเทียม
- แบบบางส่วน ฟันปลอมแบบบางส่วน คือใส่บางซี่ทดแทนที่ถูกถอนออกไป โดยฟันปลอมจะยึดโดยโครงโลหะที่ติดกับฟันธรรมชาติของเรา
B) ตามวัสดุที่ใช้ทำ คือ
- ฐานโลหะ ฟันปลอมที่มีโครงที่ทำด้วยโลหะ
- พลาสติก ฟันปลอมที่มีโครงที่ทำด้วยพลาสติกทั้งชิ้นงาน
2. ฟันปลอมแบบติดแน่น (ถอดออกไม่ได้)
3. ฟันปลอมแบบรากเทียม
แต่ละแบบเหมาะสำหรับสุขภาพช่องปากแบบไหน แต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร
ฟันปลอมฐานพลาสติกแบบธรรมดา
แบบนี้จะถูกสุด ใช้สิทธิ์เบิกประกันสังคมได้
ฟันปลอมฐานพลาสติกแบบฐานโลหะ
แบบนี้จะแข็งแรงกว่าแบบพลาสติกใช้สิทธิ์เบิกประกันสังคมได้
ฟันปลอมฐานพลาสติกแบบนิ่ม
แบบนี้จะไม่แตกหักง่าย ใช้สิทธิ์เบิกประกันสังคมได้
1. ฟันปลอมแบบถอดได้ แบบบางส่วน แบบ ฐานโลหะ และ พลาสติก
ข้อดี
ราคาถูก ขึ้นกับจำนวนซี่ที่ใส่
สามารถถอดมาล้างทำความสะอาดได้
ข้อเสีย
เคี้ยวอาหารไม่สะดวก ประสิทธิภาพน้อย
น่ารำคาญเวลาใส่
การบดเคี้ยว ทดแทนฟันธรรมชาติ ได้ไม่ค่อยดี
ระยะยาว อาจหลวม ไม่แน่นดังเดิม
เคี้ยวของเหนียว อาจหลุดออกจากตำแหน่งเดิม
เศษอาหารอาจติดใต้ฟันปลอม ยามที่สันเหงือกอาจทรุดตัวเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ทำให้รำคาญขณะทานอาหาร
ฟันปลอมแบบถอดได้ แบบบางส่วน เหมาะสำหรับการใส่ฟันหลายๆ ซี่ ไม่ต้องกรอแต่งฟันข้างเคียงมากเกินไป การทำซับซ้อนน้อยกว่า ค่าใช้จ่าย ถูกกว่า ทำความสะอาดง่าย ถอดออกมาล้าง สะอาดทั้งฟันจริงและฟันปลอม
ฟันปลอมแบบถอดได้ แบบทั้งปาก
จะมีฐานเป็นอะคริลิคสีเหมือนเหงือกที่จะสามารถติดพอดีกับเหงือกของเรา ฐานของฟันปลอมบนจะติดกับเพดานปาก ในขณะที่ฟันปลอมล่างจะมีลักษณะเหมือนเกือกม้าเพื่อที่จะมีพื้นที่ให้กับลิ้น เราสามารถแบ่งตามวิธีทำอีกด้วย ดังนี้
ฟันปลอมทั้งปากแบบดั้งเดิม
ฟันปลอมทั้งปากแบบดั้งเดิมจะถูกใส่หลังจากฟันถูกถอนออกหมดและเนื้อเยื่อบนสันเหงือกหายดีแล้ว ซึ่งจะต้องใช้เวลาหลายเดือนในช่วงระหว่างรอให้เหงือกและกระดูกหายดีนั้น ต้องใช้เวลา ดังนั้นจะไม่มีฟันในช่วงเวลานั้นๆ ระยะเวลาอาจจะนานประมาณ 6 ดือน
ฟันปลอมทั้งปากแบบทันที
ฟันปลอมทั้งปากแบบทันทีจะสามารถสวมใส่ได้ในทันทีหลังจากที่ฟันทั้งหมดถูกถอนออก ซึ่ง ทันตแพทย์จะทำการวัดและสร้างแบบจำลองของขากรรไกรก่อนถอน และประเมินคร่าวๆๆไว้ก่อนที่จะถอนฟัน แม้ว่าฟันปลอมทั้งปากชนิดนี้จะช่วยให้เราไม่ต้องอยู่แบบไม่มีฟัน แต่ฟันปลอมชนิดนี้จะหลวมมากขึ้นเรื่อยๆหลังจากที่ใส่ไป เนื่องจากกระดูกที่รองรับฟันและสันเหงือกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหลังถอนฟันไป
ฟันปลอมทั้งปากแบบวางบนรากเทียม
คล้ายๆฟันปลอมทั้งปากแบบดั้งเดิม เพียงแต่ว่าฟันปลอมชนิดนี้จะเปลี่ยนที่ยึดเกาะจากสันเหงือกหรือเพดานปาก มาเกาะบริเวณรากเทียม (ที่เตรียมไว้ก่อนทำฟันปลอม) ซึ่งวิธีนี้ฟันปลอมที่ใส่จะแน่นเทียบเท่าฟันธรรมชาติ ไม่หลุดง่าย ซึ่งสามารถลดข้อด้อยของฟันปลอมทั้งปากแบบดั้งเดิม ได้เป็นอย่างดี แต่มีราคาสูงกว่า
ฟันปลอมแต่ละประเภท ที่แตกต่างกัน ทันตแพทย์จะเป็นคนเลือกว่าคุณจะต้องใช้ฟันปลอมประเภทใด ขึ้นอยู่กับว่าคุณเสียฟันบางซี่หรือหมดทุกซี่ รวมทั้งต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายด้วย
2. ฟันปลอมแบบติดแน่น ครอบฟันหรือเรียกว่าสะพานฟัน แบ่งเป็นประเภทย่อยๆ เช่นกันตามชนิดของวัสดุที่ใช้ทำ
ข้อดี
- สวยงาม ประสิทธิภาพดี แข็งแรง ประสิทธิภาพการบดเคี้ยว เกือบเป็นปกติ เพราะแรงที่เคี้ยวถ่ายลงตัวฟัน ไม่ใช่ถ่ายลงที่เหงือก
- ไม่รำคาญ เพราะไม่มีแขนขามากมาย เหมือนฟันถอดได้ หลุดยาก ทำให้มั่นใจ ในการใช้งาน
ข้อเสีย
- ต้องมีการกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึดฟันปลอม ทำให้สูญเสียเนื้อฟัน
- ถอดออกมาล้างทำความสะอาดไม่ได้ ติดอยู่ในปากของเราเลย หากเราแปรงฟันทำความสะอาดไม่ดีอาจทำให้ฟันข้างเคียงเสียหายไปได้ เป็นโรคเหงือก หรือฟันผุได้ง่าย
- ราคาแพง
- ต้องเป็นคนละเอียดใส่ใจในการทำความสะอาด สุขอนามัยในช่องปากต้องดี เพราะถ้าไม่ดี จะเป็นตัวบ่งชี้ ความเอาใจใส่
- ทำความสะอาดลำบาก เพราะถอดไม่ออก ต้องมีเครื่องมือทำความสะอาดเฉพาะ
- ฟันปลอมแบบ ติดแน่นเหมาะกับฟันหลอน้อยซี่ (1-2 ซี่) เพราะต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึด ถ้าฟันข้างเคียงที่ใช้ยึด สภาพไม่ดี เป็นโรคเหงือก ก็ไม่สามารถทำฟันปลอมชนิดนี้ได้
- เนื่องจากฟันปลอมชนิดนี้ต้องถ่ายแรงบนฟันข้างเคียง จึงอาจจะส่งผลเสียกับฟันข้างเคียงได้ เช่นโยก และหลุดออกในที่สุด ถ้ามีการโหลดแรงมากเกินไป
3. รากฟันเทียม อาจจัดเป็นฟันปลอมชนิด ติดแน่น ชนิดหนึ่ง แต่แทนที่จะใช้ฟันข้างเคียงเป็นตัวยึด จะมีการกรอกระดูกปักรากฟันเทียมลงไปตรงเหงือกนั้นเพื่อกรอเป็นรากฟันขึ้นมาและจะทำตัวฟันครอบฟันลงไปอีกที
ข้อดี เหมือนฟันจริงมากที่สุดในปัจจุบัน ประสิทธิภาพและความสวยงามดี ให้ประสิทธิภาพการเคี้ยวเท่าเทียมฟันจริง ไม่เกิดการผุซ้ำ ตรงที่ทำ เพราะไม่มีฟันให้ผุอีก
ข้อเสีย ราคาค่อนข้างสูง และใช้ระยะเวลาในการทำ ประมาณ 6 เดือนจะมีขั้นตอนการรักษาเป็นระยะๆ เช่น การผ่าตัด ปักรากเทียม ถ้าล้มเหลว การแก้ไข ทำได้ลำบาก เพราะเป็นหัตการ ฝังแท่นเข้าถึงกระดูก
ฟันปลอมแต่ละชนิดมีข้อกำหนดและวิธีปฏิบัติขั้นตอนในการทำแตกต่างกัน ฟันปลอมแบบถอดได้มีข้อกำหนดน้อยที่สุด ฟันปลอมแบบติดแน่นมีข้อกำหนดมาก และรากฟันเทียมมีข้อกำหนดเยอะที่สุด
รู้กันไปแล้วว่า ฟันปลอมมีกี่ประเภท ก็เลือกให้เหมาะสมกับตัวเราเองมากที่สุด การที่เรามีฟันในปากไม่ครบจำเป็นมากๆ ที่เราจะต้องไปใส่ฟันปลอม เพราะไม่อย่างนั้นฟันที่อยู่ด้านของฟันที่หลุดออกไปก็อาจจะเอียงล้ม เหงือกของเราก็อาจจะอักเสบเพราะอาหารมากระแทก แถมยังเสี่ยงกับฟันผุง่ายๆ เพราะเศษอาหารมันจะเข้าไปติดตามซอกเหงือกที่ไม่มีฟัน ดังนั้นก็อย่ามั่วลังเลรอช้าอยู่เลยคะ
หากคนไข้สนใจทำฟันปลอม จะต้องไปให้คุณหมอตรวจสภาพช่องปากเสียก่อน เพราะคนเราแต่ละคนก็เหมาะกับฟันปลอมแตกต่องกัน ไม่ใช่ว่าเราสามารถเลือกทำฟันปลอมชนิดไหนก็ได้เสมอไป หากใครที่มั่นใจอยากทำฟันเทียม ศูนย์ทันตกรรม PMDC ของเรามีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในเรื่องการทำฟันที่มีคุณภาพไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำรากฟันเทียม เคลือบฟัน ดัดฟัน ฟอกสีฟัน ก็มีบริการในส่วนนี้เช่นกัน โดยการทำฟันปลอมและรากฟันเทียม ถือได้ว่ามีคนนิยมให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่บินมาจากต่างประเทศเพื่อทำรากฟันเทียมกับทางศูนย์ทันตกรรม PMDC ด้วยเพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมความงาม การรักษาที่ทำออกมา นอกจากจะแก้ปัญหาการสูญเสียฟันแล้ว แต่ยังออกมาดูเป็นธรรมชาติเสมือนฟันแท้
ขั้นตอนการทำฟันนปลอมถอดได้
ใช้เวลาทำตั้งแต่ 1-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับชนิดและความยากง่ายของแต่ละบุคคล ภายหลังจากการใส่ฟันเทียมถอดได้แล้ว ต้องอาศัยการปรับตัวและความร่วมมือของคนไข้ เพื่อให้ร่างกายมีการยอมรับฟันเทียมเนื่องจากเป็นของใหม่ ขั้นตอน และวิธีการทำสรุปได้ ดังนี้
- ตรวจและประเมินสภาพช่องปาก ตรวจและประเมินสภาพของฟัน การสบฟัน สภาพเหงือก และกระดูกรองรับรากฟัน ความคาดหวังของคนไข้ รูปร่างและสีฟัน จากนั้นจะทำการถ่ายเอกซเรย์ฟันที่วางแผนว่าจะเป็นฟันหลักยึด(Abutment) พิมพ์ปากเพื่อทำแบบปูนฟัน
- วางแผนการรักษา วางแผนการรักษา เพื่อหาตำแหน่งของตะขอฟันปลอม ชนิดแลพรูปร่างของฟันที่จะใช้ แต่งขี้ผึ้งบนแบบปูน เพื่อประเมินรูปร่างของฟันเทียมที่จะทำให้กับคนไข้ รวมถึงวางแผนในการกรอแต่งฟันหลักเพื่อรองรับและยึดของตะขอฟันปลอม
- การพิมพ์ปากขั้นสุดท้าย หลังจากนั้นจะทำการพิมพ์ปากขั้นสุดท้าย ในกรณีที่ต้องกรอแต่งฟันหลัก ก็จะทำก่อนการพิมพ์ปากขั้นสุดท้าย จากนั้นก็จะนำรอยพิมพ์ที่ได้ไปทำโครงฟันปลอม
- การลองฟัน ลองแท่งกัดที่ทำจากขี้ผึ้ง และเรียงฟันมาลองใส่ให้คนไข้ดูเพื่อประเมินร่วมกันระหว่าง หมอกับคนไข้ เพื่อ ดูรูปร่าง สี การเรียงตัวของฟันเทียม ความอูมนูนของใบหน้าและการสบฟัน เมื่อเป็นที่พอใจทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะนำแบบขี้ผึ้งนี้ ไปใช้ในการทำฟันปลอมต่อไป
- การใส่ฟันปลอม นำฟันเทียมตัวจริงมาใส่ให้คนไข้ หลังจากใส่แล้ว หมอก็จะครวจหาจุด หรือตำแหน่งที่กดเจ็บ เนื่องจากอาจจะมีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นในระหว่างการทำฟันปลอม ทันตแพทย์จะกรอแต่งและแก้ไข้ฟันปลอม จนกว่าจะพอดี ไม่เจ็บ ใส่สบายแต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการปรับตัวและความร่วมมือของคนไข้ด้วย ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 1 อาทิตย์ ถึง 2 เดือน ยิ่งในรายที่ไม่มีฟันหลักยึดด้านท้าย จะยิ่งทำให้การใส่ฟันเทียมและการปรับตัวของคนไข้ทำได้ยากมากขึ้น
อาการที่พบได้หลังใส่ฟันปลอม
อาการระคายเคือง ปวด หรือการมีน้ำลายออกมามากกว่าปกตินั้น เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในช่วงระยะเวลาแรกของการใส่ฟันปลอม ซึ่งอาการเหล่านี้ จะลดลงและหายในที่สุดเมื่อช่องปากสามารถปรับเข้ากับฟันปลอม
ฟันปลอมหลวม หรือไม่พอดี ในกรณีที่คนไข้ได้รับการถอนฟันก่อนทำฟันปลอม แล้วไม่รอให้แผล และเหงือกสมานตัวดีก่อน ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการรอให้กระดูกและเหงือกหายดีอยู่ตัวก่อน ทันตแพทย์จะปรับแต่งฟันปลอม เพื่อให้ฟันปลอมพอดีกับสภาพช่องปากของคนไข้
โดยทั่วไปคนไข้สามารถพูดคุยได้เหมือนปกติ แต่อาจมีความรู้สึกไม่ค่อยสบายในการเคี้ยวอาหารซึ่งมักเกิดขึ้นได้ในช่วงแรก ๆ จนกว่ากล้ามเนื้อบริเวณกระพุ้งแก้มและลิ้นจะปรับตัวและเคยชินกับฟันปลอมใหม่ได้ ดังนั้น ควรรับประทานอาหารอ่อนในช่วงแรก ๆ และหัดอ่านหนังสือออกเสียง จนกว่าจะชินกับฟันปลอมที่ใส่
การดูแล รักษาฟันปลอมถอดได้
ฟันปลอมทุกประเภทต้องได้รับการดูแลและทำความสะอาดเหมือนฟันแท้ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากและเป็นการยืดอายุของฟันปลอม
- ขณะถอดฟันปลอม และถือฟันปลอมควรยืนบนผ้าขนหนูหรืออ่างน้ำ ถ้าเกิดตกลงพื้นจะได้ไม่แตก หัก เนื่องจากฟันปลอมมีความบอบบางและอาจหักได้
- จับฟันปลอมต้องจับอย่างระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้พลาสติกหรือตะขอของฟันปลอมงอขณะถอดออกมาล้างทำความสะอาด
- เวลานอนควรถอดฟันปลอม เพื่อให้เหงือกได้พัก และลดแรงกดบนกระดูกขากรรไกร ให้ถอดออกและทำความสะอาด และแช่น้ำเปล่าไว้การใส่ฟันเทียมนอนจะทำให้เกิดการสะสมของเชื้อรา ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อบุภายในช่องปากได้
- ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คฟันปลอมเป็นประจำ เนื่องจากสันกระดูกจะมีการละลายตัวไปทำให้ฟันปลอมกระดก เสียดสีกับเนื้อเยื่อในช่องปาก ทำให้เกิดเหงือกอักเสบ เป็นแผลกระดูกและเนื้อเยื่องอกย้อย เชื้อรา ทำอันตรายกับฟันหลักยึด บางกรณีอาจพัฒนาไปเป็นเนื้อร้ายได้
- ควรเปลี่ยนฟันปลอมทุก 2-5 ปี
- ห้ามปล่อยให้ฟันปลอมแห้ง หรือใกล้ความร้อน เพราะจะทำให้ฟันเทียมผิดรูป ไม่สามารถใส่เข้าที่ได้ ควรแช่ฟันปลอมด้วยการจุ่มในน้ำยาหรือเม็ดฟู่สำหรับทำความสะอาดฟันปลอมโดยเฉพาะ ที่ไม่มีฤทธิ์กัดกร่อน เพื่อช่วยขจัดเศษและคราบอาหาร รวมถึงกาวติดฟันปลอมที่อาจเหลือติดค้างอยู่ตามร่องฟันปลอม หรือในน้ำเปล่าก็ได้
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน และยาสีฟันที่ช่วยให้ฟันขาวหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารฟอกสีฟัน เพราะอาจทำให้ฟันปลอมเสียหายและมีสีหมองคล้ำลง
- ไม่ควรใช้น้ำร้อนทำความสะอาดหรือแช่ฟันปลอมเพราะอาจทำให้บิดได้
- ถอดฟันปลอมออกล้างหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง ใช้น้ำเปล่าที่เย็นชะล้างฟันปลอมเพื่อขจัดคราบอาหารที่ติดอยู่ออก
- แปรงฟัน และทำความสะอาดฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่ โดยต้องถอดฟันปลอมออกก่อน ควรแปรงเหงือก ลิ้น และเพดานปาก ด้วยแปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่มก่อนที่จะใส่ฟันปลอม ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและกำจัดคราบแบคทีเรีย
- ไม่ควรใช้แปรงสีฟัน และยาสีฟันที่มีผงขัดทำความสะอาดฟันปลอม เพราะจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนเล็กๆทำให้ฟันปลอมเป็นที่สะสมของเชื้อจุลินทรีย์ได้ ควรใช้น้ำสบู่ร่วมกับผ้าก็อซเช็ดทำความสะอาดฟันปลอมก็เพียงพอแล้ว
- พบทันตแพทย์ถ้าฟันปลอมหัก บิ่น แตก หรือหลวม ห้ามปรับฟันปลอมด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
แสดงวิธีการทำความสะอาดโดยใช้เม็ดฟู่ทำความสะอาดฟันปลอม
สรุป
รู้กันไปแล้วว่า ฟันปลอมมีกี่ประเภท ก็เลือกให้เหมาะสมกับตัวเราเองมากที่สุด การที่เรามีฟันในปากไม่ครบจำเป็นมากๆ ที่เราจะต้องไปใส่ฟันปลอม เพราะไม่อย่างนั้นฟันที่อยู่ด้านของฟันที่หลุดออกไปก็อาจจะเอียงล้ม เหงือกของเราก็อาจจะอักเสบเพราะอาหารมากระแทก แถมยังเสี่ยงกับฟันผุง่ายๆ เพราะเศษอาหารมันจะเข้าไปติดตามซอกเหงือกที่ไม่มีฟัน ดังนั้นก็อย่ามั่วลังเลรอช้าอยู่เลยคะ
หากคนไข้สนใจทำฟันปลอม จะต้องไปให้คุณหมอตรวจสภาพช่องปากเสียก่อน เพราะคนเราแต่ละคนก็เหมาะกับฟันปลอมแตกต่องกัน ไม่ใช่ว่าเราสามารถเลือกทำฟันปลอมชนิดไหนก็ได้เสมอไป หากใครที่มั่นใจอยากทำฟันเทียม ศูนย์ทันตกรรม Modern Smile Dental Clinic ของเรามีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในเรื่องการทำฟันที่มีคุณภาพไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำรากฟันเทียม เคลือบฟัน ดัดฟัน ฟอกสีฟัน ก็มีบริการในส่วนนี้เช่นกัน
โดยการทำฟันปลอมและรากฟันเทียม ถือได้ว่ามีคนนิยมให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่บินมาจากต่างประเทศเพื่อทำรากฟันเทียมกับทางศูนย์ทันตกรรม Modern Smile Dental Clinic ด้วยเพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมความงาม การรักษาที่ทำออกมา นอกจากจะแก้ปัญหาการสูญเสียฟันแล้ว แต่ยังออกมาดูเป็นธรรมชาติเสมือนฟันแท้
คำถามที่ถามบ่อยๆ เกี่ยวกับการทำฟันปลอม
แล้วแต่ความเหมาะสมหรือความต้องการและงบประมาณของตัวบุคคล ในที่นี้แนะนำการใส่ฟันปลอมแบบติดแน่น หรือที่ดีที่สุดก็จะเป็น รากเทียม เพราะมีความใกล้เคียงฟันธรรมชาติ ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหารหรือสี ของฟัน อีกทั้งยังลดความหงุดหงิดหรือรำคาญใจกลัวที่จะหลุดหรือเคลื่อนขณะเคี้ยวอาหารอีกด้วย แต่รากเทียนก็จะมีราคาสูงที่สุด รองลงมาก็จะเป็นครอบฟัน หรือ สะพานฟัน ถูกที่สุดก็จะเป็นฟันปลอมถอดได้
สามารถ ติดต่อเพื่อเข้ารับการปรีกษาฟรี ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง
LINE SRIRACHA
TEL SRIRACHA
LINE PATTAYA
TEL PATTAYA
อาจมีความรู้สึกเจ็บระคายเคืองบ้างในช่วงแรก ตัวผู้ใส่ฟันปลอมจะต้องฝึกการใช้งาน เช่น กลืน พูด เคี้ยวอาหารไปด้วย แล้วอาการดังกล่าวจะสามารถหายไปได้เอง แต่ถ้าอาการเจ็บไม่ดีขึ้นหรือมีแผลกดทับ ให้กลับมาพบทันตแพทย์ทันที
การใส่ฟันปลอมในช่วงแรกๆ จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ 2 สัปดาห์ ในการปรับตัวให้ชิน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกการใช้ฟันปลอม เช่น พูด อ่านหนังสือออกเสียง กิน กลือน เคี้ยวอาหาร หรือ ถ้าเป็นกรณีที่เป็นคนที่ปรับตัวยากหน่อย ก็อาจจะคุ้นในเวลา 1 เดือน
ให้ใส่ฟันปลอมตลอดเวลา ให้ถอดออกได้เฉพาะตอนแปรงฟันกับนอนเท่านั้น ให้หัดทานอาหาร พูด กลืน อ่านหนังสือออกเสียง การรับประทานอาหาร และ การพูดเมื่อใส่ฟันปลอมอาจจะต้องใช้เวลาในการฝึกเล็กน้อย ความรู้สึกเทอะทะ หรือ หลวม ซึ่งเกิดขึ้นกับทุกคนที่ใส่ฟันปลอมใหม่ๆ
ขึ้นอยู่กับชนิดของฟันปลอม โดยส่วนใหญ่ก็จะจัดฟันได้ไม่มีปัญหา เพียงแต่อาจจะทำให้ฟันปลอมแบบติดแน่น ผิวครอบฟันมีตำหนิได้ ถ้าเป็นแบบถอดได้ ก็ต้องเปลี่ยนฟันปลอมใหม่หลังจัดฟันเสร็จ
ถ้าใส่อย่างถูกวิธีก็ยาวๆกันเป็น 10 ปี ถ้าดูแล และการสวมใส่อย่างถูกวิธี โดยหลักการคือ การเปลี่ยนฐานฟันปลอมใหม่โดยที่ยังคงตัวฟันไว้อยู่ นอกจากนี้ เมื่อเราอายุมากขึ้น ปากของเราก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ฟันปลอมหลวม ทำให้การเคี้ยวอาหารลำบาก และระคายเคืองเหงือก วิธีการป้องกันปัญหาอย่างน้อยคุณควรพบทันตแพทย์ทุกปีเพื่อทำการตรวจ
ฟันปลอมแบบถอดได้ก็ถอดออกมาทำความสะอาดได้ ราคาถูก ส่วนฟันปลอมแบบติดแน่นนั้น ราคาสูงกว่า ไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ ซึ่งจะต้องมีไหมขัดฟัน ชนิดพิเศษ เรียก Super Floss หรือ Water pick เป็นต้น มาช่วยในการทำความสะอาด แต่ใส่สบายกว่า ไม่รัคาญ
คือ ฟันปลอมแบบถอดได้ชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้วัสดุที่เป็นพลาสติดแบบนิ่ม ข้อดี คือ มันจะใส่สบายกว่า
สามารถ ติดต่อเพื่อเข้ารับการปรีกษาฟรี ได้ที่ลิงค์ด้านล่าง
LINE SRIRACHA
TEL SRIRACHA
LINE PATTAYA
TEL PATTAYA
โดยส่วนใหญ่คนทั่วไปจะใช้เรียก ฟันปลอมแบบติดแน่นว่า เป็นฟันปลอมถาวร ซึ่งจริงๆแล้ว ตัวฟันปลอมก็จเสียได้เหมือนกัน ถ้าดูแลไม่ดี
รากเทียม จะมีราคา ประมาณ 45,000-85,000 บาท แล้วแต่วัสดุของรากเทียมและครอบฟันที่ใช้ ในบรรดาฟันปลอมด้วยกัน แต่จะมีคุณภาพดีที่สุด อายุการใช้งานยาวที่สุด ดังนั้นเมื่อเทียบราคากับอายุการใช้งานแล้ว ถือว่า คุ้มที่สุด
ราคาฟันปลอมขึ้นอยู่กับ ชนิดและวัสดุที่ใช้ของฟันปลอม ฟันปลอมแบบถอดออกได้จะ๔ุกที่สุด ส่วนราคาฟันปลอมแบบรากเทียม จะราสูงที่สุด
ฟันปลอมซี่เดียว เราสามารถเลือกทำได้ทั้ง 3 แบบ แบบถอดออกได้ ติดแน่น หรือ รากเทียน ก็ได้ ขึ้นกับความเหมาะสม และความต้องการของคนไข้ งบประมาณที่มี
ฟันปลอมแบบใหม่ น่าจะหมายถึงรากฟันเทียม ซึ่งเป็นฟันปลอมชนิดที่ทันสมัยที่สุด การรักษาจะยุ่งยากกว่าแบบอื่น ราคาสูง แต่ อายุการใช้งานนานที่สุด รู้สึกเป็นธรรมชาติที่สุด
ทันตแพทย์ชำนาญการเกี่ยวกับ ฟันปลอม
ทันตแพทย์เฉพาะทางรากเทียม | ท.5579
ทพ.รัฐพล จงกลรัตน์ (บอม)
ประวัติการศึกษา
ทันตแพทย์ศาสตร์ บัณฑิต ม.สงขลานครินทร์
ทันตกรรมรากเทียม ม.มหิดล
ทพ.สุทธินาถ ชมเชย (เบิร์ด)
ประวัติการศึกษา
ทันตแพทย์ศาสตร์ บัณฑิต ม.มหิดล
วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาทันตกรรมหัตถการ ม.มหิดล
ประกาศนียบัตร สาขาทันตกรรมรากเทียม University of Frankfurt, Germany