ปัญหาสุขภาพฟันผู้สูงอายุ ปัญหาสุขภาพฟันผู้สูงอายุ นั้นมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป เช่น การใส่ฟันปลอมที่ไม่ถูกวิธีและไม่เหมาะสม กระดูกมีความหนาแน่นและแข็งแรงน้อยลง การบริโภคเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบ เช่น ชา/กาแฟ ปัญหาสุขภาพฟันผู้สูงอายุมีอะไรบ้าง ฟันผุ สามารถเกิดได้ทั้งจากการสะสมของคราบพลัค (plaque) และการละเลยการดูแลสุขอนามัยช่องปาก โรคเหงือก เป็นคราบพลัคที่สะสมอยู่บนฟันและเหงือกทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย ถ้าหากไม่มั่นดูแลจะเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง เช่น ถ้าเหงือกอักเสบไม่ได้รับการรักษา จะทำให้เกิดเป็นโรคเหงือกขั้นรุนแรง ซึ่งทำให้เหงือกเริ่มทำลายเนื้อเยื่อรอบฟัน รวมถึงกระดูกที่รองรับฟันด้วย โรคนี้สามารถทำให้ฟันเคลื่อนหรือหลุดได้ การสูญเสียฟัน อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ จำเป็นต้องมีการทำฟันปลอมเพื่อทดแทนฟันที่เสียไป บางท่านอาจคิดว่าการใส่ฟันปลอมที่ไม่พอดีเป็นเรื่องเล็กๆ แต่การใส่ฟัน ฟันปลอมที่ไม่พอดี จะก่อให้เกิดการเสียดสีกับเหงือก ทำให้เกิดอาการเจ็บเวลาใช้งานและอาจพบแผลบริเวณที่ใส่ฟันปลอมได้ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษา ปัญหาจะรุนแรงขึ้นและอาจส่งผลต่อการรับประทานอาหารในผู้สูงอายุ ฟันล้ม ฟันเคลื่อน เป็นอีกหนึ่งภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยในผู้สูงอายุที่สูญเสียฟัน แล้วไม่ทำฟันปลอมทดแทนฟันที่เสียไป ทำให้ฟันข้างเคียงค่อย ๆ ล้มลงมายังบริเวณช่องว่าง มะเร็งในช่องปาก เป็นโรค 1 ใน10 ชนิดของมะเร็งที่พบได้บ่อย ดยมักเกิดจากการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ลักษณะอาการคือ มีรอยโรคสีแดงขาว หรือสีขาวปนแดงในช่องปากคล้ายกับแผลร้อนใน หากไม่ดูแลรักษาสุขภาพฟัน ในผู้สูงอายุจะเกิดอะไรขึ้น ? หากไม่มั่นดูรักษาสุขภาพฟันบ่อยๆ หรืออย่างถูกวิธี จะทำให้ปัญญาสุขภาพช่องปากลุกลาม ทำให้สูญเสียฟันเป็นจำนวนมาก การสูญเสียฟันจำนวนมากนั้น จะส่งผลกระทบต่าง ๆ ตามมามากมาย ทั้งสุขภาพกายและใจ เช่น ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวอาหารแย่ลง ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นเพียงพอ ส่งผลเสียให้สุขภาพร่างกายแย่ลงในระยะยาว สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปาก ไม่ทำความสะอาดฟันอย่างสม่ำเสมอ เลือกใช้ยาสีฟันที่ไม่ผสมฟลูออไรด์ สูบบุหรี่อยู่ประจำ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การบริโภคอาหาร และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมาก ไม่เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพฟัน การดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุที่มีฟันปกติ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ควรเลือกแปรงสีฟันที่้เหมาะสมกับช่องปาก พยายามแปรงฟันครบทุกซี่ และทุกด้านรวมถึงแปรงลิ้นด้วย ใช้ไหมขัดฟัน ขัดฟันตามซอกฟันเพราะอาจจะมีเศษอาหารติดอยู่ ควรพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจเช็คสุขภาพช่องปาก การดูแลสุขภาพช่องปากผู้สูงอายุที่ใส่ฟันปลอม ควรทำความสะอาดฟันปลอมอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากอยู่เสมอเพื่อลดปัญหากลิ่นปากและปัญหาอื่นๆ ควรถอดฟันปลอมทุกครั้งก่อนนอน และนำฟันปลอมแช่น้ำที่ละลายเม็ดฟู่เพื่อไม่ให้ฟันปลอมแห้ง,ผิดรูป หรือมีกลิ่น ควรไปพบทันตแพทย์เมื่อฟันปลอมใส่ไม่ได้หรือหัก แตก ชำรุดไป สรุป ขั้นตอนการดูแลสุขภาพฟันในผู้สูงอายุสามารถทำได้ไม่ยาก แต่สำคัญเรื่องการมีวินัย ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงนิสัยจะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและคุณภาพชีวิตที่ดี รับประทานอาหารได้ครบถ้วน การดูแลฟันปลอม วิธีดูแลฟันให้แข็งแรง และการดูแลสุขภาพช่องปากเป็นส่วนสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจ บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
Category Archives: รักษาโรคเหงือก
โรคเหงือก เป็นโรคที่คนส่วนใหญ่ละเลย เนื่องจากเป็นโรคที่ค่อยๆดำเนินไปแบบไม่รู้สึกตัว จะมารู้อีกทีเมื่อการดำเนินของโรคเป็นมากแล้ว และรักษายาก
สุขภาพฟันที่ดี สร้างได้จากการกิน สุขภาพฟันที่ดี สร้างได้จากการกิน ซึ่งการดูแลสุขภาพฟันนั้น ไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่ที่การแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันเท่านั้น แต่การเลือกอาหารที่ถูกต้อง ก็มีบทบาทสำคัญในการรักษาฟันให้แข็งแรงและป้องกันปัญหาฟันผุ หรือโรคเหงือกต่างๆ ได้ มาดูกันว่ามีอาหารชนิดใดบ้างที่สามารถช่วยเสริมสร้างสุขภาพฟันของคุณได้ วันนี้แอดมินมาแชร์ความรู้ดีๆเกี่ยวกับการกินอาหารเพื่อสุขภาพฟันมาฝากกันค่ะ ว่าการกินส่งผลดีหรือผลเสียอย่างไรบ้าง ที่ส่งผลต่อสุขภาพฟันของเรา และมีอาหารหรือเครื่องดื่มอะไรบ้าง ที่ส่งผลต่อสุขภาพฟันของเรา รวมไปถึงวิธีการแก้ไขปัญหาหากเกิดฟันเหลือง ตามมาดูกันเล๊ยยยย อาหารที่ดี ต่อสุขภาพฟัน สุขภาพฟันที่ดี สร้างได้จากการกิน ซึ่งเครื่องดื่มหรืออาหารที่ดีต่อสุขภาพฟันนั้น มีหลากหลายชนิด โดยเฉพาะอาหารที่มีเส้นใยสูง วิตามินซี และวิตามินบี2 ซึ่งช่วยทำความสะอาดฟัน ป้องกันโรคเหงือก และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟัน ดังนี้ ผักและผลไม้สด เช่น ผักคะน้า กะหล่ำปลี แครอท ฝรั่ง แตงกวา ฝรั่ง ส้ม สับปะรด ชมพู่ มันแกว เป็นต้น มีเส้นใยสูง และวิตามินซีสูง ช่วยทำความสะอาดฟันและป้องกันโรคเหงือก ชีสและนม มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟันและเคลือบฟัน เนื้อปลา มีฟลูออไรด์ตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยป้องกันฟันผุ ถั่วและธัญพืช เช่น ถั่วลิสง ถั่วเหลือง อัลมอนด์ รำ มีวิตามินบี 2 สูง ช่วยป้องกันมุมปากแตก ลิ้นอักเสบ น้ำเปล่า ช่วยล้างเศษอาหารและแบคทีเรียออกจากฟัน และช่วยเจือจางกรดในช่องปาก อาหาร ที่ทำร้ายสุขภาพฟัน อาหารที่ทำร้ายสุขภาพฟัน และครื่องดื่มที่มีผลต่อสุขภาพฟัน มีหลายชนิด โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลและกรดสูง จะส่งผลเสียต่อผิวเคลือบฟันและอาจทำให้ฟันผุได้ ดังนี้ ลูกอมหรือลูกกวาด มีน้ำตาลจำนวนมากและอาจมีสารพิษจากสีที่ไม่ควรนำมาประกอบอาหาร เช่น สีย้อมผ้า, สีย้อมกระดาษ และสีย้อมเส้นใย ซึ่งอาจปนเปื้อนจากโลหะหนักอย่างตะกั่ว, สารหนู หรือโครเมียม โซดาหรือน้ำอัดลม มีกรดคาร์บอนิกและน้ำตาลสูง ทำให้ผิวเคลือบฟันบางลงและอาจทำให้ฟันผุได้ นอกจากนี้ยังมีปริมาณฟอสฟอรัสมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อโรคกระดูกพรุน น้ำหวานและเครื่องดื่มชูกำลัง มีน้ำตาลจำนวนมากและคาเฟอีน ซึ่งอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและเป็นโรคเบาหวานตามมา นอกจากนี้ยังมีสารให้ความหวานและสารกระตุ้นที่อาจส่งผลต่อภาวะโรคอ้วน, โรคหัวใจและหลอดเลือด ชาและกาแฟ มีสารแทนนิน (Tannin) ทำให้เกิดคราบเหลืองบริเวณผิวฟัน และมีน้ำตาลสูงและมีกรดสูงที่ทำลายผิวเคลือบฟัน น้ำแข็ง แม้จะผลิตมาจากน้ำสะอาด แต่การกัดเคี้ยวน้ำแข็งเป็นประจำอาจส่งผลให้ผิวเคลือบฟันสึกกร่อนจากการใช้งานหนัก ผลไม้กระป๋อง มีน้ำเชื่อมที่ทำมาจากน้ำตาล ซึ่งอาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น เกิดโรคกระดูกพรุน, เลือดมีภาวะเป็นกรด, สมองทำงานช้าลง และที่สำคัญยังเร่งการทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว อาหาร บำรุงเหงือก อาหารที่บำรุงเหงือกจะส่งผลต่อ สีของเหงือก สามารถบ่งบอกสุขภาพของคุณได้ หมั่นสำรวจตัวเองเป็นประจำ 1. ผักใบเขียวและผลไม้ เช่น ผักโขมและคะน้า มีวิตามิน C ช่วยเสริมสร้างเหงือก ส้มและสตรอว์เบอร์รี ช่วยป้องกันเหงือกอักเสบ 2. โยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์จากนม มีแคลเซียมเสริมสร้างเหงือก 3. ถั่วและเมล็ดพืช เช่น อัลมอนด์, มีวิตามิน E และแร่ธาตุช่วยบำรุงเหงือก ทำไมอาหารที่มีน้ำตาลถึงทำร้ายฟัน องค์ประกอบของอาหารที่มีน้ำตาล เป็นส่วนประกอบที่สามารถทำร้ายฟันได้เนื่องจากกระบวนการดังต่อไปนี้ แบคทีเรียในช่องปากย่อยสลายน้ำตาล เมื่อรับประทานอาหารที่มีน้ำตาล แบคทีเรียในช่องปากจะย่อยสลายน้ำตาลเหล่านี้และผลิตกรดแลคติก กรดนี้จะโจมตีผิวเคลือบฟันและทำให้เกิดการสึกกร่อน กรดทำลายผิวเคลือบฟัน กรดแลคติกที่ผลิตโดยแบคทีเรียจะละลายแร่ธาตุในผิวเคลือบฟัน เช่น แคลเซียมและฟอสเฟต เมื่อเวลาผ่านไป การสึกกร่อนนี้จะทำให้เกิดฟันผุ น้ำตาลเกาะติดฟัน อาหารที่มีน้ำตาล เช่น ลูกอมและเครื่องดื่มอัดลม มักจะเกาะติดฟันเป็นเวลานาน ทำให้แบคทีเรียมีเวลาย่อยสลายน้ำตาลและผลิตกรดมากขึ้น น้ำตาลส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย น้ำตาลเป็นแหล่งอาหารสำหรับแบคทีเรียในช่องปาก การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลเป็นประจำจะช่วยให้แบคทีเรียเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตกรดที่มากขึ้นและความเสี่ยงต่อฟันผุที่สูงขึ้น อาหารที่ทำให้ฟันเหลือง อาหารที่ทำให้ฟันเหลืองมีหลายชนิด โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้มหรือเป็นกรด สามารถทำให้คราบสีและคราบจุลินทรีย์เกาะติดบนผิวฟัน และทำให้ฟันเหลืองได้ 1. กาแฟ มีสารประกอบที่สร้างสีน้ำตาลที่สามารถสร้างคราบบนผิวฟันของคุณได้ 2. ชา มีสารแทนนิน ทำให้เกิดคราบ ยิ่งสีชาเข้มขึ้นเท่าไร ฟันของคุณก็จะยิ่งเป็นคราบมากขึ้นเท่านั้น 3. ไวน์แดง การดื่มไวน์แดงเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดคราบฟัน 4. น้ำอัดลม อีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบได้ เพราะเป็นกรดที่สามารถกัดกร่อนเคลือบฟันของคุณได้ 5. น้ำผลไม้สีเข้ม เช่น แครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และน้ำองุ่น มีแนวโน้มที่จะทิ้งคราบไว้บนฟันของคุณ 6. น้ำมะนาว ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะนาวและมะนาวมีสภาพเป็นกรดสูงและสามารถกัดกร่อนเคลือบฟันได้ 7. ซอสมะเขือเทศ เนื่องจากมีเม็ดสีที่ทำให้เกิดสีแดงเข้ม 8. อาหารประเภทแกงที่มีสีเข้มข้น อย่างเช่นแกงกระหรี่ อาจทำให้เกิดคราบทิ้งร่องรอยการบอกเล่าไว้บนฟันของคุณได้ 9. ซีอิ๊ว เพราะมีสีเข้มของถั่วเหลืองอาจคงอยู่เป็นเวลานานหลังจากมื้ออาหารของคุณเสร็จสิ้นและทำให้เกิดคราบที่ฟันได้ 10. บีทรูท จริงอยู่ที่เป็นผักที่มีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย แต่ด้วยเม็ดสีที่ผสมอยู่เข้มข้นก็สามารถทำให้เกิดคราบที่ผิวฟันของคุณได้เช่นกัน เพื่อป้องกันปัญหาฟันเหลือง ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัดเครื่องดื่มและอาหารที่มีผลต่อสีของฟัน และดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธี เช่น แปรงฟันอย่างถูกวิธีและบ้วนปากหลังอาหาร ฟันเหลือง ทำไงดี หากเจอปัญหาฟันเหลือง สามารถแก้ไข้ได้หลายวิธีเลยค่ะ แอดมินจะมาแชร์ 1 ในวิธีที่จะทำให้ฟันที่เหลืองกลับมาขาวดังเดิม นั่นคือออ การฟอกสีฟัน! การฟอกสีฟัน เป็นกระบวนการปรับเม็ดสีในชั้นเคลือบฟันให้ขาวขึ้นด้วยการใช้น้ำยาฟอกสีฟันและพลังงานแสง Cool light การฟอกสีฟันมีประโยชน์หลายด้าน 1 แก้ไขปัญหาฟันที่มีสีคล้ำ สีน้ำตาล สีเหลือง และมีคราบต่างๆบนฟัน ให้มีความขาวมากขึ้น 2 ปรับปรุงรอยยิ้มให้ดูสดใสขึ้น ทำให้รอยยิ้มดูสดใสและมั่นใจมากขึ้น 3 เพิ่มความมั่นใจและช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดีขึ้น โดยทำให้ฟันขาวสะอาดและสวยงาม 4 ช่วยขจัดคราบหินปูน ทำให้ฟันขาวสะอาดและสดใส 5 เหมาะสำหรับผู้ที่มีฟันเหลือง โดยเฉพาะจากสาเหตุภายนอกตัวฟัน เช่น จากสีของอาหาร เครื่องดื่ม บุหรี่ และคราบแบคทีเรีย สรุป โดยรวมแล้ว ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำร้ายสุขภาพฟัน จะช่วยให้ฟันแข็งแรงและป้องกันโรคฟันพุได้ ปัญหาฟันเหลืองถือเป็นปัญหาที่กวนใจหลายๆคน ทำให้เสียความมั่นใจ แต่เราสามารถช่วยคุณได้ด้วยการฟอกสีฟัน โปรโมชั่น 4,999 บาท จากราคาปกติ 10,000 บาท สามารถเข้ามาปรึกษาก่อนได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย อย่าลืมแปรงฟันหลังทานอาหาร และพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อการดูแลฟันที่ดียิ่งขึ้น ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลกับ โมเดิร์น สไมล์ คลินิก สาขา ศรีราชา และพัทยา เพิ่มเติม ได้ที่….. บทความอื่นๆที่น่าสนใจ
การจัดฟันใส Invisalign ในเด็ก Invisalign เป็นตัวเลือกการจัดฟันที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นและผู้ใหญ่ แต่ทราบหรือไม่ว่า Invisalign ยังสามารถใช้จัดฟันในเด็กได้อีกด้วย ซึ่งจะเรียกการจัดฟันใสในเด็กว่า Invisalign First เป็นโปรแกรมจัดฟันใสที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการจัดฟันเกี่ยวกับการจัดการปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต ช่วยให้ฟันเรียงตัวได้อย่างถูกต้องตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือจัดฟันแบบโลหะ การจัดฟันแบบใส Invisalign Frist สำหรับเด็กมีประโยชน์หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กในช่วงอายุ 6-12 ปี สารบัญ Invisalign First คืออะไร คุณสมบัติของ Invisalign First ข้อดีของ Invisalign First ทำไมต้อง Invisalign First ถามตอบการจัดฟันใส Invisalign First สรุป การจัดฟันใส Invisalign ในเด็ก Invisalign Frist คืออะไร Invisalign First เป็นนวัตกรรมการจัดฟันแบบใสที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เหมาะแกเด็กในช่วงวัยอายุ 6-12 ขวบ การจัดฟันใสรูปแบบของ Invisalign Frist จะช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดฟันใสที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ช่วยให้จัดการกับปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต ช่วยให้ฟันเรียงตัวได้อย่างถูกต้องตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือจัดฟันแบบโลหะ การจัดฟันแบบใส Invisalign ในเด็กจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการจัดฟันเนื่องจากไม่ทำลายรากฟัน และสามารถช่วยลดปัญหาการถอนฟัน รวมถึงช่วยปรับโครงหน้าให้สมดุลและสวยงาม ซึ่งทันตแพทย์จัดฟันที่มีประสบการณ์ในการรักษาเด็ก ทันตแพทย์จะประเมินความเหมาะสมและออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคนได้ที่ โมเดิร์น สไมล์ คลินิก ทั้งสาขาศรีราชา พัทยา คุณสมบัติของ Invisalign First เป็นนวัตกรรมใหม่ในการจัดฟันเฉพาะกลุ่มที่ออกแบบมาให้พอดีกับช่องปากของเด็กที่กำลังเติบโต ซึ่งมีความสะดวกสบายในการดูแล เครื่องมือถอดออกได้ง่าย ทำความสะอาดง่าย สวมใส่สบาย ไม่ระคายเคืองเหงือกและกระพุ้งแก้ม และเมื่อมีการใส่อุปกรณ์จัดฟันแล้วก็จะไม่เห็นเครื่องมือจัดฟันในขณะสวมใส่ ข้อดีของ Invisalign First แทบมองไม่เห็น: เครื่องมือจัดฟัน Invisalign นั้นโปร่งใส ทำให้เด็กๆ รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าจะเขินอายเพื่อน ถอดออกได้: เด็กๆ สามารถถอดถาดจัดฟัน Invisalign ออกได้เพื่อทานอาหาร แปรงฟัน และทำความสะอาด ช่วยให้รักษานิสัยสุขอนามัยที่ดี สบายใจ: อุปกรณ์จัดฟัน Invisalign นั้นทำจากพลาสติกชนิดพิเศษที่นิ่มนวล ไม่ระคายเคืองต่อช่องปาก มีประสิทธิภาพ: Invisalign First สามารถแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติได้หลากหลายประเภท เช่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง และปัญหาขากรรไกร ช่วยให้การเจริญเติบโตของฟันเป็นไปอย่างถูกต้อง: การจัดฟันด้วย Invisalign First ในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต ช่วยให้ขากรรไกรมีพื้นที่เพียงพอสำหรับฟันแท้ที่ขึ้นใหม่ ช่วยลดความเสี่ยงในการต้องถอนฟันหรือผ่าตัดในอนาคต ทำไมต้อง Invisalign First วัสดุ SmartTrack วัสดุที่ยืดหยุ่นสูง ให้ความรู้สึกกระชับและนุ่มนวลมากขึ้น ด้วยแรงกดที่สม่ำเสมอกว่าที่เคย สามารถคาดการณ์ การเคลื่อนของฟัน พร้อมทั้งช่วยให้เคลื่อนฟันได้สบายมากยิ่งขึ้น คุณสมบัติ SmartForce มีกลไกสร้างแรงกดที่จำเป็นเพื่อให้การเคลื่อนฟันมีประสิทธิภาพสูงสุดและคาดถึงผลลัพธ์ได้แบบซี่ต่อซี่หรือทีละหลายซี่ เทคโนโลยี Smartstage กำหนดแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการเคลื่อนฟันโดยใช้อัลกอริธึ่มที่ล้ำหน้าเพื่อคาดถึงผลลัพธ์และประสิทธิภาพในการจัดฟัน ด้วยนวัตกรรม การจัดฟัน Invisalign First ในเด็ก สามารถกำหนดลักษณะการเติบโตของขากรรไกรในเด็กได้ -แก้ไขปัญหาฟันสบกัน -ลดความเสี่ยงการเกิดบาดแผลจากฟันยื่นในเด็ก -แก้ไขนิสัยเกี่ยวกับการใช้ปากที่เป็นอันตรายได้แต่แรกเริ่ม -ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพในเด็ก -กำหนดลักษณะของฟันแท้ให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง -ช่วยให้ฟัน ปากและรูปหน้าเข้าที่มากขึ้น ถาม – ตอบ การจัดฟันใส Invisalign First เด็กอายุเท่าไหร่ถึงจะจัดฟันด้วย Invisalign First ได้? โดยทั่วไปแล้ว Invisalign First เหมาะสำหรับเด็กอายุระหว่าง 6 ถึง 12 ปี ทันตแพทย์จัดฟันจะประเมินความเหมาะสมของเด็กแต่ละคน การจัดฟันด้วย Invisalign First ใช้เวลานานแค่ไหน? ระยะเวลาในการจัดฟันด้วย Invisalign First นั้นขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหาการเรียงตัวของฟัน โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 12 ถึง 24 เดือน Invisalign First มีราคาเท่าไหร่? ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันด้วย Invisalign First นั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิก โดยทั่วไปแล้วจะมีราคาแพงกว่าการจัดฟันแบบโลหะ สรุป Invisalign First เป็นตัวเลือกการจัดฟันที่เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6-12 ปีที่มีปัญหาการจัดฟัน เครื่องมือจัดฟันใสนี้สะดวกสบาย แทบมองไม่เห็น และช่วยป้องกันปัญหาการจัดฟันที่รุนแรงขึ้นในอนาคต โดยระยะเวลาในการจัดฟันด้วย Invisalign First นั้นขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของปัญหาการเรียงตัวของฟัน โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 12 ถึง 24 เดือน โดยการจัดฟัน Invisalign First จะใช้ วัสดุ SmartTrack ที่,มีความยืดหยุ่นสูง , คุณสมบัติ SmartForce มีกลไกสร้างแรงกดที่จำเป็นเพื่อให้การเคลื่อนฟันมีประสิทธิภาพ และ เทคโนโลยี Smartstage กำหนดแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการเคลื่อนฟัน ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลได้ที่ โมเดิร์นสไมล์สาขาศรีราชา 085-2471222 โมเดิร์นสไมล์สาขาพัทยา 085-2471333 Line : https://line.me/ti/p/2eoqb-5Cp- Website : https://modernsmiledental.com/ Instragarm : https://www.instagram.com/modernsmile.dental/ Facebook : https://www.facebook.com/ModernSmileDental สาขาศรีราชา ที่อยู่: 1 8-9 ถนน ศรีราชานคร Tambon Sriracha, อำเภอศรีราชา ชลบุรี 20110 สาขาพัทยา ที่อยู่: 418 ทำฟัน จัดฟัน พัทยา Modern Smile Dental Clinic 9 ถนน พัทยา [/ux_text]
คนท้องสามารถทำฟันได้ไหม สารบัญ การดูแลฟันในช่วงเวลาการตั้งครรภ์ ข้อควรระวังการทำฟันในช่วงตั้งครรภ์ อาหารที่ดีต่อสุขภาพช่องปาก ปัญหาสุขภาพช่องปากในระหว่างตั้งครรภ์ คนท้องสามารถทำฟันได้ไหม สรุป ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คนท้องสามารถทำฟันได้ไหม ในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่สามารถทำฟันได้ตามปกติ เช่น อุดฟัน หรือขูดหินปูน เพราะจริงๆ แล้วควรรีบดูแล และรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีอยู่เสมอ หากปล่อยเอาไว้อาจมีอาการเจ็บปวด หงุดหงิด รำคาญใจ หรือทำให้ยุ่งยากในการดูแลรักษา วันนี้แอดมินจะมาแจ้งรายละเอียดการดูแลสุขภาพฟันในช่วงตั้งครรภ์รวมถึงข้อมูลอื่นๆให้กับแม่ที่ตั้งครรภ์ได้เตรียมพร้อมกับการดูแลสุขภาพช่องปากกันนะคะ การดูแลฟันในช่วงเวลาตั้งครรภ์ เมื่ออายุครรภ์ครบ 4-6 เดือน ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ นาน 2 นาที ร่วมกับการทำควาสะอาดซอกฟันทุกวัน หลังเกิดการอาเจียนการแพ้ท้องหรือรับประทานอาหารที่มีรสเปรี้ยว ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้ง คุณแม่ตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน และนมเปรี้ยวเป็นต้น ข้อควรระวังการทำฟันในช่วงตั้งครรภ์ เลือกทันตแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการดูแลสุขภาพช่องปากขณะตั้งครรภ์ แจ้งให้ทันตแพทย์ทราบถึงการตั้งครรภ์: การแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้พวกเขาสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมได้ ระวังการใช้ยา: แนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์หรือทันตแพทย์ก่อนใช้ยาฆ่าเชื้อหรือยาแก้ปวดฟัน การดูแลสุขภาพช่องปากขณะตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และสุขภาพของทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์และทันตแพทย์เพื่อรักษาสุขภาพช่องปากในระหว่างการตั้งครรภ์อย่างเหมาะสมและปลอดภัยที่สุด อาหารที่ดีต่อสุขภาพช่องปากสำหรับคุณแม่ที่ครรภ์ อาหารที่มีเส้นใยสูง ได้แก่ ผักและผลไม้ บางชนิด เช่น แตงกวา ฝรั่ง มะเขือเทศ ชมพู่ มันแกว จะช่วยทำความสะอาดฟัน ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด ถ้าต้องการเครื่องดื่ม รสหวาน เลือกน้ำสมุนไพรอ่อนหวาน หรือผลไม้ คั้นสดแทนน้ำอัดลม เพราะน้ำอัดลมมีน้ำตาลมาก และมีกรดคาร์บอนิกอีกด้วย อาหารที่มีวิตามินซี (Ascorbic Acid) เช่น ผักสด ผลไม้สด ส้ม สับปะรด กะหล่ำปลี แครอท ผักคะน้า เป็นต้น ช่วยในการรักษาเหงือก ฟัน กระดูก อาหารมีวิตามินบี2 (Riboflavin) ประเภทถั่วลิสง ถั่วเหลือง อัลมอนด์ รำ ธัญพืช ไม่ขัดสี เห็ด มะม่วง ช่วยป้องกันมุมปากแตก ลิ้นอักเสบ ไม่ควรทานอาหารที่แข็งมาก เช่น น้ำแข็ง กระดูก อาจทำให้ฟันสึก และแตกหักได้ ไม่ควรรับประทานอาหารจุบจิบ จะทำให้มีการตกค้างของเศษอาหารในช่องปากตลอดเวลา ช่องปากจึงมีสภาพเป็นกรด ทำลายผิวเคลือบฟัน ทำให้เกิดฟันผุ จะทำให้ทำให้เกิดกลิ่นปากและชนิดที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือจิบน้ำบ่อยๆ เพราะถ้าปากแห้ง มีแนวโน้มที่จะมีกลิ่นปาก และมีเพราะถ้าปากแห้ง มีแนวโน้มที่จะมีกลิ่นปาก และมีฟันผุมากกว่าคนทั่วไป เพราะขณะปากแห้งเชื้อโรคในช่องปากจะเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนได้มากกว่า ปัญหาสุขภาพช่องปากระหว่างตั้งครรภ์ ฟันผุ เนื่องจากมีการรับประทานอาหารบ่อย จึงทำให้มีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟัน และในช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสแรกอาจมีอาการอาเจียนทำให้มีกรดจากกระเพาะอาหารติดตามซอกฟัน ทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย ภาวะโรคเหงือกอักเสบ ช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้น จนทำให้หลอดเลือดขนาดเล็กของเหงือกเปลี่ยนแปลง ทำให้อักเสบและเลือดออกง่ายเป็นแผลในช่องปาก จนทำให้ไม่กล้าแปรงฟัน การดูแลทำความสะอาดช่องปากไม่เพียงพออาจจะทำให้เกิดภาวะ คลอดก่อนกำหนดได้ ระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่มักทานอาหารพวกแป้ง และน้ำตาล ซึ่งทำให้คราบแบคทีเรียเติบโตได้ดี และติดอยู่ตามซอกฟันกลายเป็นคราบหินปูน ทำให้เหงือกอักเสบและมีเลือดออกตามไรฟัน คนท้องสามารถทำฟันได้ไหม จริงๆแล้วสามารถทำได้ค่ะ แต่ต้องอยู่ในช่วงเวลาที่อายุครรภ์เหมาะสม 4-6 เดือนค่ะ แต่หลายคนก็สงสัยว่าทำไมอายุครรภ์ในช่วงอื่นๆทำไมถึงทำฟันไม่ได้ เพราะช่วงอายุครรภ์ 3 เดือนแรก ในช่วงเวลานี้ไม่เหมาะกับการทำฟัน เพราะคุณแม่บางท่านอาจจะมีอาการแพ้ท้องอาเจียนบ่อย ซึ่งไม่สะดวกในการมาอ้าปากให้ทำฟันเพราะการทำฟันอาจกระตุ้นให้เกิดการอาเจียนมากขึ้น และน้ำย่อยจากกระเพาะมีฤทธิ์เป็นกรดจะทำลายผิวเคลือบฟัน อีกทั้งในช่วงนี้ลูกในครรภ์มีการสร้างและพัฒนาของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายอย่างมาก การมาทำฟันอาจทำให้คุณแม่เกิดอาการเครียดซึ่งไม่ส่งผลดีต่อลูกในครรภ์ ช่วงอายุครรภ์ 3 เดือนสุดท้ายท้ายก่อนคลอด ในช่วงเวลานี้ไม่เหมาะกับการทำฟัน เพราะขนาดครรภ์ไม่เอื้อต่อการนั่งหรือนอนบนเก้าอี้ทำฟันที่เป้นระยะเวลานานๆ สรุป การทำฟันช่วงการตั้งครรภ์สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ช่วงอายุครรภ์ 4-6 เดือน หรือช่วงไตรมาสที่สอง (14-20 สัปดาห์) ถือเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำฟันคือ ส่วนคนท้องที่จัดฟันอยู่แล้วทันตแพทย์แนะนำว่า ไม่ต้องหยุด สามารถจัดฟันต่อไปได้เลย แต่ถ้าหากยังไม่ได้จัดฟัน แต่คิดที่จะจัดในระหว่างที่กำลังตั้งครรภ์อยู่แนะนำให้รอก่อน เพราะในการจัดฟันจะต้องมีการเอกซเรย์ ซึ่งจะเป็นการปลอดภัยมากกว่าถ้าทำเมื่อคลอดลูกแล้ว ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการดูแลสุขภาพฟันอยู่สม่ำเสมอนะคะ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Tel.085-2471333 สาขาศรีราชา Tel.085247-1222 สาขาพัทยา Website :https://modernsmiledental.com/ Facebook :https://www.facebook.com/ModernSmileDental Line ID :@modernsmile Instragram :https://www.instagram.com/modernsmile.dental/ สาขาศรีราชา ที่อยู่: 1 8-9 ถนน ศรีราชานคร Tambon Sriracha, อำเภอศรีราชา ชลบุรี 20110 สาขาพัทยา ที่อยู่: 418 ทำฟัน จัดฟัน พัทยา Modern Smile Dental Clinic 9 ถนน พัทยา
ฟันแตก ฟันบิ่น ฟันหัก ฟันแตก ฟันบิ่น ฟันหัก เป็นปัญหาช่องปากที่อาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยฟันแตกเกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการเคี้ยวของแข็ง การประสบอุบัติเหตุ หรือการนอนกัดฟัน ซึ่งฟันแตกนั้น จะมีลักษณะที่เป็นฟันแตกแบบรู หรือฟันแตกแบบครึ่งซี่นั้น อาจก่อให้เกิดปัญหาในช่องปากด้านอื่นๆ ตามมาได้ เพราะฉะนั้นจึงควรเข้ารับการรักษาอาการฟันแตกให้เร็วที่สุด ฟันแตกเกิดจากอะไร ฟันแตกเป็นภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจจะทำให้ต้องเสียฟันซี่นั้นไปได้ แต่ก่อนจะมาดูถึงสาเหตุการเกิดเพื่อรักษาฟันแตกนั้น มาแยกประเภทกันก่อนว่าระหว่างฟันร้าวกับฟันแตกมีความแตกต่างอย่างไร อาการฟันร้าว เป็นรอยร้าวของผิวเคลือบฟัน อาจมีการแตกร้าวจากด้านในของฟัน ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ต้องพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบแล้วประเมินอาการเท่านั้น อาการฟันแตก เป็นการที่มีบางชิ้นส่วนของฟันบิ่นออกมา หรือมีการแตกหักออกมาจากตัวฟัน โดยฟันหน้าแตกมักจะเกิดขึ้นบ่อยกว่าซี่อื่น ซึ่งฟันแตกนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกันไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการใช้ฟันที่อันตรายอย่างการเปิดขวดด้วยฟัน อาจทำให้ฟันแตกครึ่งซี่หรือฟันหน้าแตกได้ การกัดเคี้ยวอาหารแข็ง ถือได้ว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ฟันแตก เช่น น้ำแข็ง หมูกรอบ เปลือกหอย การทานอาหารที่มีอุณหภูมิต่างกันอย่างฉับพลัน เช่น กินซุปร้อนๆ แล้วตามด้วยดื่มน้ำเย็นจัดตามทันที ประสบอุบัติเหตุอย่างแรง เช่น รถชน การล้ม ถูกของแข็งกระแทก การเล่นกีฬา การชกต่อย การสบฟันแรงๆ อย่างพฤติกรรมการนอนกัดฟัน ฟันมีรอยอุดขนาดใหญ่ ทำให้โครงสร้างความแข็งแรงของฟันซี่นั้นลดลง สาเหตุที่ทำให้ฟันแตก ฟันแตก ฟันบิ่น ฟันร้าว เกิดจากการนอนกัดฟัน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเกิดจากอุบัติเหตุ เช่น การล้มกระแทก การถูกทำร้าย ถูกของแข็งกระแทก การใช้ฟันหน้าผิดประเภท เช่น ใช้ฟันเปิดขวด การเคี้ยวของแข็งโดยบังเอิญหรือตั้งใจ เช่น เคี้ยวโดนก้อนกรวด กระดูก น้ำแข็ง ถั่วแข็ง หมูกรอบที่แข็งเกินไป ลูกอมเม็ดแข็ง หรืออาหารอื่นใดที่มีความแข็งกว่าฟัน อาการของฟันแตกเบื้องต้นที่สามารถสังเกตได้ วิธีสังเกตอาการฟันแตกที่ง่ายที่สุดคือการส่องกระจก แต่ก็อาจมีจุดที่อยู่นอกเหนือจากบริเวณที่มองเห็นได้ในกระจกที่ การรักษาฟันแตกไม่ทันท่วงที เมื่อเผลอปล่อยไว้นานระดับความรุนแรงและผลกระทบจากฟันแตกอาจมีมากขึ้น จนมีอาการเตือนให้รับรู้ ซึ่งสัญญาณเตือนฟันแตกเบื้องต้นที่สังเกตได้นอกจากส่องกระจก มีดังนี้ เมื่อโดนกระแทก หรือเคี้ยวอาหารจะรู้สึกเจ็บ หรือปวด ฟันแตกเป็นฟันที่ได้รับบาดเจ็บ เวลาที่ฟันโดนกระแทก รู้สึกเจ็บเมื่อเคี้ยวอาหาร หรือปวดขึ้นมา ให้รีบสำรวจฟันว่ามีส่วนที่แตกหักหรือบิ่นหายหรือไม่ถ้าสำรวจฟันแล้วพบว่ามีลักษณะใกล้เคียงร่วมกับเกิดอาการตามที่กล่าวมาแสดงว่าฟันแตกแบบรุนแรงต้องพบทันตแพทย์เพื่อรักษาโดยด่วน เหงือกบวม หรืออักเสบในบริเวณที่ฟันแตก สามารถทำให้เหงือกอักเสบได้ เพราะฟันมีช่องว่าง อาจทำให้เศษอาหารเข้าไปติดได้ และเมื่อเศษอาหารสะสมไปนานๆ ก็ทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตจนเหงือกอักเสบและบวมได้ อีกกรณีหนึ่งคือบริเวณที่ฟันแตกนั้นลึกถึงชั้นเนื้อฟันจนทำให้เหงือกอักเสบได้เช่นกัน เสียวฟันขณะที่ดื่มเครื่องดื่มที่เย็นจัด หรือร้อน หากฟันแตกเพียงเล็กน้อย อาจยังไม่เกิดอาการเจ็บปวดหรือเสียวฟันทันที แต่จะทำให้ฟันบอบบางและมีไวต่อความรู้สึกมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหากฟันแตกแล้วดื่มเครื่องดื่มที่มีอุณหภูมิสูง หรือเย็นกว่าปกติจึงทำให้รู้สึกเสียวฟันได้ง่าย วิธีสังเกตว่าคุณมีฟันแตกหรือไม่ ส่องกระจก สำรวจว่ามีรอยแตกที่อุดฟันให้เห็นหรือไม่ พบส่วนแปลกปลอมที่หลุดอยู่ในช่องปาก ถ้าคุณมีเศษฟันที่แตก แนะนำให้เก็บไว้เเล้วรีบไปพบทันตแพทย์ สังเกตสีเหงือก บริเวณแนวเหงือกที่พบฟันแตก มักจะมีการบวมแดง พบส่วนแปลกปลอมที่หลุดอยู่ในช่องปาก ถ้าคุณมีเศษฟันที่แตก แนะนำให้เก็บไว้เเล้วรีบไปพบทันตแพทย์ ประเภทและลักษณะความรุนแรงของฟันแตก มีรอยแตกที่ผิวเคลือบฟัน เคลือบฟันเปรียบเหมือนเสื้อเกราะที่เเข็งแรงช่วยปกป้องเนื้อฟัน รอยแตกที่พบมักมีขนาดเล็กและตื้น ไม่ทำให้เกิดความเจ็บปวดจึงไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ใช้แค่การขัดเงาผิวฟันก็เป็นอันเรียบร้อย ฟันกรามบริเวณที่เคยอุดมีการแตก โดยปกติไม่ส่งผลต่อเนื้อเยื่อและเส้นประสาทฟัน จึงไม่เกิดอาการเจ็บปวดมาก สามารถรักษาด้วยการอุดฟันหรือทำครอบฟัน ฟันแตกและมีรอยร้าว กรณีที่ยังไม่ขยายไปถึงแนวเหงือกก็สามารถรักษาได้ แต่ถ้าการฟันมีรอยแตกขยายไปถึงบริเวณเหงือก อาจจำเป็นต้องถอนฟันซึ่งเป็นการรักษาที่ดีที่สุด ฟันแตกแบ่งเป็นสองส่วนจากผิวด้านบนลามไปถึงด้านล่างของแนวเหงือก รอยแตกขนาดใหญ่นี้อาจะทำให้ทันตแพทย์ช่วยรักษาฟันได้บางส่วน ฟันแตกหักแนวตั้ง เป็นรอยแตกที่เริ่มต้นจากข้างใต้เส้นเหงือกและขึ้นไปด้านบน ซึ่งฟันแตกลักษณะนี้มักจะไม่แสดงอาการให้เห็นมากนัก แต่ถ้าฟันมีการติดเชื้อ ก็มีโอกาสที่สูงมากที่จะต้องถอนฟันซี่ที่เสียออก วิธีการรักษาฟันแตก ฟันบิ่น ฟันหัก การรักษาฟันแตกนั้นมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการ และดุลยพินิจของทันตแพทย์ว่าจะรักษาฟันแตกอย่างไร ดังวิธีต่อไปนี้ กรอฟัน หากฟันแตกเล็กน้อยบริเวณเคลือบฟัน ไม่มีอาการอื่นร่วมอย่างปวดฟัน เพียงแค่รู้สึกว่าบาดลิ้นหรือฟันซี่นั้นคม ทันตแพทย์จะรักษาด้วยการกรอขัดแต่งฟันที่แตกซี่นั้นเพื่อลดความคมลง ซึ่งการรักษาฟันแตกลักษณะนี้ ถือว่าเป็นการรักษาในระดับเคลือบฟัน อุดฟัน หากฟันที่แตกบิ่นนั้นเป็นรูหรือรอยแตกขนาดใหญ่ และอาจเป็นบริเวณที่เคยอุดฟันมาก่อน ทันตแพทย์จะทำการอุดรูหรือรอยที่แตกก่อนด้วยวัสดุอุดฟัน เพื่อไม่ให้เกิดการแตกมากขึ้น เช่น เรซิ่นที่สีคล้ายเนื้อฟัน ที่มักใช้อุดฟันหน้าแตกเพื่อความสวยงาม หรืออมัลกัม (Amalgam) สีเงินบริเวณฟันกรามหรือซี่ในซึ่งการรักษาในลักษณะนี้ ถือเป็นการรักษาฟันแตกในระดับเคลือบฟัน ครอบฟัน หากรอยฟันบิ่นแตกนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ เสียเนื้อฟันเยอะหรือปัญหาฟันชิ้นใหญ่แตกหัก ทันตแพทย์จะใช้วิธีครอบฟันที่สีคล้ายฟันจริง เพื่อทำให้ฟันกลับมาแข็งแรงขึ้น พร้อมๆ กับการรักษารากฟันร่วมด้วยเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันอื่นๆ ตามมาในอนาคต ซึ่งการรักษาลักษณะนี้ ถือเป็นการรักษาฟันแตกในระดับชั้นเนื้อฟันและระดับโพรงประสาทฟัน รักษารากฟัน บางครั้งการที่ฟันแตกจนปวดฟันนั้น อาจมาจากการที่รอยฟันแตกทะลุและลึกถึง ชั้นโพรงประสาทฟันทำให้มีอาการปวด จึงต้องรักษารากฟันที่แตกก่อนครอบฟันเพื่อให้ฟันแข็งแรงขึ้นโดยไม่ต้องถอนออก นับว่าเป็นการรักษาฟันแตกในระดับโพรงประสาทฟัน ถอนฟัน หากฟันแตกลึกเลยแนวเหงือก ทำให้ฟันมีความเสียหายไม่สามารถรักษาเนื้อฟันได้ ทันตแพทย์จะทำการถอนฟันในท้ายที่สุดเพื่อป้องกันการติดเชื้อลามไปซี่อื่น นับได้ว่าเป็นการรักษาฟันแตกในระดับรากฟัน การป้องกันฟันแตก ฟันบิ่น ฟันหัก ฟันแตกเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุและมีหลายระดับในการแตก หากฟันแตกแล้วส่งผลต่อชีวิตประจำวัน การกินอาหารรู้สึกปวดฟันจะมีอาการเหงือกบวม เสียวฟัน อาจจะอยู่ในระดับชั้นเนื้อฟันและระดับโพรงประสาทฟัน วิธีแก้ปวดฟันแตกที่บรรเทาอาการปวดหรือเสียวฟันได้ในเบื้องต้น ดังนี้ อย่าเคี้ยวของแข็งๆ หลายคนติดนิสัยชอบเคี้ยวอะไรแข็งๆ อย่างก้อนน้ำแข็งหรือปลายปากกา จริงอยู่ว่าฟันคนเราแข็งแรง แต่พฤติกรรมแบบนี้จะทำฟันคุณเสียได้ในระยะยาว ถ้าฝืนเคี้ยวของแข็งๆ ไปเรื่อยๆ ฟันอาจบอบบางอ่อนแอลงจนแตกในที่สุด หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง ไม่ใช้ฟันในการงัดเปิดสิ่งของต่างๆ เสี่ยงต่อการทำให้ฟันบิ่นหรือแตกได้ อย่ากัดฟัน โดยเฉพาะตอนนอนที่คุณอาจเผลอบดกรามและฟันซี่อื่นๆ กรอดๆ โดยไม่รู้ตัว นานๆ ไปเคลือบฟันคุณจะเสื่อมได้ ทำให้เสี่ยงฟันแตกขึ้นมา คนเรามักเผลอกัดหรือขบฟันตอนนอนโดยไม่รู้ตัว ทำให้แก้ได้ยากเหลือเกิน แต่ก็ยังพอมีฟันยาง (เหมือนของนักมวย) ที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ จะได้ใช้ตอนนอนป้องกันการกัดฟัน ถ้าคุณมีปัญหานี้ลองปรึกษาหมอฟันของคุณ คุณหมอจะได้แนะนำอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ใส่ฟันยางตอนเล่นกีฬา ตอนเล่นกีฬานี่แหละที่คนเรามักถูกกระแทกจนฟันหักฟันแตกมากที่สุด ถ้าคุณเล่นกีฬาที่ต้องถึงเนื้อถึงตัวรุนแรงอย่างฟุตบอล หรือกีฬาที่ใช้ไม้ตีหรืออุปกรณ์แข็งๆ อื่นๆ ที่อาจฟาดโดนหน้าคุณได้ เช่น เบสบอล ก็ต้องใส่ฟันยางทุกครั้งเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับฟันของคุณ ดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน ถ้าคุณปล่อยให้ปากและฟันสกปรก รับรองเลยว่าฟันคุณจะอ่อนแอบอบบางจนเสียหายและติดเชื้อได้ง่ายๆ ยังดีที่คุณสามารถดูแลสุขภาพในช่องปากและฟันได้มากมายหลายวิธี ต้องรักษาความสะอาด และไปตรวจสุขภาพฟันตามนัดอย่างเคร่งครัด ห่างไกลฟันผุและฟันแตกแล้ว แล้วปวดฟันทำอย่างไร? แนะนำวิธีแก้ปวดฟันแตกเบื้องต้น ก่อนพบทันตแพทย์ ฟันแตก เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุและมีหลายระดับในการแตก หากฟันแตกแล้วส่งผลต่อชีวิตประจำวัน การกินอาหารรู้สึกปวดฟันจะมีอาการเหงือกบวม เสียวฟัน อาจจะอยู่ในระดับชั้นเนื้อฟันและระดับโพรงประสาทฟัน วิธีแก้ปวดฟันแตกที่บรรเทาอาการปวดหรือเสียวฟันได้ในเบื้องต้น ดังนี้ บ้วนน้ำเกลือ เพื่อลดการเสี่ยงติดเชื้อจากแบคทีเรียต่างๆ ภายในปากเราจากอาหารหลากหลายชนิดที่ได้กิน กินยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการปวดฟันก่อนจะเข้าพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษาฟันแตก กินอาหารอ่อนๆ เพราะฟันแตกทำให้ฟันมีความบอบบางและไวต่อความรู้สึกจึงควรกินอาหารนิ่มๆ เช่น ซุป โจ๊ก พุดดิ้ง ข้าวต้ม เพื่อเป็นการลดความเสียหายของอาการฟันแตกและลดความเจ็บปวด ไม่กินอะไรที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด เพราะจะทำให้เสียวฟันและปวดได้ สลับไปเคี้ยวอาหารข้างที่ฟันไม่แตก เพราะถ้าเคี้ยวข้างเดิมจะทำให้ฟันแตกกว้างขึ้น ฟันแตก ฟันบิ่น ฟันหัก สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเคี้ยวของแข็ง ประสบอุบัติเหตุ หรือพฤติกรรม นอนกัดฟัน ล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันแตกได้ซึ่งเป็นอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม ดังนั้น ทุกคนจึงควรป้องกันไม่ให้เกิดฟันแตก หากพบว่ามีฟันแตกควรรีบเข้าพบทันตแพทย์ และเข้ารับการรักษาฟันแตกให้เร็วที่สุด ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ทันตกรรมโมเดิร์นสไมล์ คลินิกสาขาศรีราชา และพัทยา 085-2471333 สาขาศรีราชา 085 – 2471222 สาขาพัทยา Line : สาขาศรีราชา Line :สาขาพัทยา Instagram Modernsmile WEBSITE : Modernsmiledental Clinic
สารบัญ สะพานฟันคืออะไร สะพานฟันกับรากเทียมแตกต่างกันอย่างไร ส่วนประกอบของสะพานฟัน ข้อดีและข้อเสียของสะพานฟัน สรุป สะพานฟัน คืออะไร สะพานฟันคือ วิธีการทำฟันปลอมชนิดติดแน่นอีกรูปแบบหนึ่ง เพื่อใช้สำหรับทดแทนฟันที่หายไป โดยปกติแล้วการทำสะพานฟันจะอาศัยซี่ฟันที่อยู่บริเวณไกล้เคียงที่อยุ่ด้านซ้ายและด้านขวา เพื่อใช้เป็นตัวยึดในการทำสะพานฟัน ลักษณะของสะพานฟัน จะมีลักษณะที่คล้ายกับฟันธรรมชาติมาก เนื่องจากจะไม่มีการยึด เจาะ หรือติดตะขอเกี่ยวฟัน รวมไปถึงแผ่นเหงือกปลอม อีกด้วย ปกติการเลือกใช้วิธีรักษาแบบสะพานฟันจะใช้ในกรณีที่ฟันเกิดในกรณีที่ฟันได้โดนถอนออกไป และสามารถใช้ฟันธรรมชาติซี่ใกล้เคียง ที่แข็งแรง สามารถใช้เป็นหลักในการทำสะพานฟัน สะพานฟันกับรากเทียมแตกต่างกันอย่างไร สะพานฟัน วิธีการรักษาด้วยการทำสะพานฟัน ทันตแพทย์จะใช้วิธีการกรอฟันด้านข้างทั้งสองด้านให้มีซี่ฟันที่เล็กลงเพื่อใช้เป็นเสาหลักในการทำสะพานฟัน โดยฟันที่โดยกรอไป ทางทันแพทย์จะใช้ซี่ฟันนี้เป็นตัวครอบสะพานฟันทั้ง 3 ซี่ ในการเชื่อมของฟัน ลักษณะก็จะคล้ายๆ กับสะพาน จึงได้เรียกการรักษานี้ว่า สะพานฟัน รากเทียม วีธีการรักษาโดยการทำรากเทียม ทางทันตแพทย์จะใช้วิธีการฝังรากเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกรบริเวณส่วนที่ฟันสูญเสียไปเฉพาะที่เท่านั้น หลังจากนั้นจะทำการใช้ฟันปลอมในการครอบฟันบนรากเทียมอีกที โดยไม่ต้องใช้ฟันใกล้เคียงเพื่อเป็นตัวยึดเหมือนการรักษาแบบสะพาน หลังจากนั้นจะทำการใช้ฟันปลอมในการครอบฟันบนรากเทียมอีกที สะพานฟัน ประกอบไปด้วย 2 ส่วนด้วยกัน สะพานที่ยึดติดกับฟันธรรมชาติ คือสะพานฟันที่ต้องใช้ส่วนของฟันธรรมชาติบริเวณรอบข้าง เพื่อใช้สำหรับเป็นเสาหลักยึด ซึ่งวัสดุที่นำมาประกอบใช้ในการทำ จะเป็นวัสดุลักษณะชนิดเดียวกันกับการครอบฟัน เช่น วัสดุที่เป็นเซรามิก โลหะ หรือแบบเซรามิกที่มีส่วนผสมของโลหะ สะพานฟันที่เป็นวัสดุเซรามิกล้วน All Porcelain Bridge จะเป็นลักษณะที่เป็นสีฟันแบบฟันปกติที่เป็นแบบธรรมชาติ วัสดุนี้ส่วนใหญ่จะใช้ในการรักษาบริเวณฟันด้านหน้าที่ต้องการความสวยงาม เพราะ เซรามิก จะเป็นลักษณะสีที่เป็นสีใส และมีความสวยความและสีใกล้เคียงกับ สีฟันจริงๆ อีกทั้งวัสดุที่เป็นเซรามิกนี้ ยังช่วยตัดปัญหาการติดสีจากการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละท่านด้วย สะพานฟันที่เป็นวัสดุที่เป็นโลหะล้วน All Gold Bridge วัสดุนี้จะเป็นวัสดุที่มีลักษณะที่แข็งแรงและทนทานที่สุด เนื่องจากจะไม่มีความเสี่ยงต่อการแตกหรือหัก เหมือนกัน วัดุที่เป็นเซรามิก ลักษณะของสีจะเป็นสีแบบโลหะ ซึ่งจะไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความสวยงามแบบธรรมชาติ ซึ่งการใช้วัสดุที่เป็นโลหะ จะเหมาะกับฟันที่อยุ่ด้านใน เช่นฟันกราม ที่ใช้ในการบดเคี้ยวอาหาร สะพานฟันที่เป็นวัสดุผสมระหว่างเซรามิกและโลหะ PFM Bridge ซึ่งจะเป็นวัสดุที่มีส่วนผสมระหว่างเซรามิกและโลหะเข้าด้วยกัน ซึ่งจะใช้วัสดุที่เป็นโลหะมาเป็นส่วนผสมของเนื้อฟันด้านนอกและในส่วนของด้านในจะเป็นโลหะ ซึ่งจะมีความสวยงามและความแข็งแรงไปพร้อมกัน จึงเป็นวัสดุที่เหมาะแก่การทำสะพานฟันหลังหรือกรามที่ทำหน้าที่บดเคี้ยว ลักษณะของสีฟันก็จะเหมือนสีฟันที่เป็นฟันปกติ เพราะด้านนอกจะถูกครอบด้วยวัสดุจากเซรามิก ซึ่งวัสดุชนิดนี้ เป็นที่นิยม ณ ปัจจุบัน ฟันลอย สะพานฟันที่เป็นในส่วนของฟันลอย ลักษณะของฟันซี่นี้จะลอยอยู่เหนือบริเวณเหงือก ซึ่งเป็นหลักเชื่อมระหว่างเสายึดฟันทั้งสองซี่ ซึ่งเป็นฟันปลอมที่ทำหน้าที่ ทดแทนซี่ฟันที่ขาดหายไป คุณลักษณะก็สามารที่จะบดเคี้ยวอาหารได้เหมือนฟันปกติ และยังเสริมสร้างความมั่นใจได้อีกด้วย ขอดีและข้อมเสียของการทำสะพานฟัน ข้อดี สวยงาม ประสิทธิภาพดี แข็งแรง ประสิทธิภาพการบดเคี้ยว เกือบเป็นปกติ เพราะแรงที่เคี้ยวถ่ายลงตัวฟัน ไม่ใช่ถ่ายลงที่เหงือก ไม่รำคาญ เพราะไม่มีแขนขามากมาย เหมือนฟันถอดได้ หลุดยาก ทำให้มั่นใจ ในการใช้งาน ข้อเสีย ต้องมีการกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึดฟันปลอม ทำให้สูญเสียเนื้อฟัน ถอดออกมาล้างทำความสะอาดไม่ได้ ติดอยู่ในปากของเราเลย หากเราแปรงฟันทำความสะอาดไม่ดีอาจทำให้ฟันข้างเคียงเสียหายไปได้ เป็นโรคเหงือก หรือฟันผุได้ง่าย ราคาแพง ต้องเป็นคนละเอียดใส่ใจในการทำความสะอาด สุขอนามัยในช่องปากต้องดี เพราะถ้าไม่ดี จะเป็นตัวบ่งชี้ ความเอาใจใส่ ทำความสะอาดลำบาก เพราะถอดไม่ออก ต้องมีเครื่องมือทำความสะอาดเฉพาะ ฟันปลอมแบบ ติดแน่นเหมาะกับฟันหลอน้อยซี่ (1-2 ซี่) เพราะต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึด ถ้าฟันข้างเคียงที่ใช้ยึด สภาพไม่ดี เป็นโรคเหงือก ก็ไม่สามารถทำฟันปลอมชนิดนี้ได้ เนื่องจากฟันปลอมชนิดนี้ต้องถ่ายแรงบนฟันข้างเคียง จึงอาจจะส่งผลเสียกับฟันข้างเคียงได้ เช่นโยก และหลุดออกในที่สุด ถ้ามีการโหลดแรงมากเกินไป สรุป สะพานฟัน คือ การทำฟันปลอมอีกรูปหนึ่ง ที่เรียกว่า การทำฟันปลอมแบบติดแน่น โดยลักษณะการทำฟันปลอมชนิดนี้ จะใช้วิธีการครอบฟันมากกว่า 1 ซี่ โดยใช้ซี่บริเวณข้างๆ เป็นหลักในการครอบเพื่อใช้เป็นสะพานฟัน วัสดุที่ใช้ในการทำสะพานฟัน จะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ วัสดุที่เป็นเซรามิกล้วน วัสดุที่เป็นโลหะล้วน และ วัสดุที่เป็นเวรามิกผสมกับโลหะ ซึ่งข้อดีของการทำสะพานฟัน ก็จะ มีความสวยงามและประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวค่อนข้างสูง และไม่เป็นที่น่ารำคาญเพราะการทำสะพานฟันจะไม่มีเหล็กในการยึดฟัน เหมือนฟันปลอมแบบถอดได้ ส่วนข้อเสียในการทำสะพานฟัน ราคาค่อนข้างเเพง และการทำหลักยึดสะพานฟันจะต้องมีการกรอฟัน ทำให้ฟันที่เป็นหลักยึดสูญเสียเนื้อฟัน และการทำสะพานฟันเป็นการทำฟันปลอมที่ไม่สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ ดังนั้นคนที่จะทำฟันปลอมโดยเลือกวิธีการทำสะพานฟัน จะต้องเป็นคนที่ละเอียดและใส่ใจในการทำความสะอาดเป็นอย่างมาก หากทำความสะอาดไม่ดีก็อาจจะทำให้ฟันข้างเคียงเสียหายไปได้ และก่อให้เกิดโรคเหงือก หรือฟันผุได้ง่าย ตัวอย่างเคสการใส่สะพานฟันค่ะ https://youtu.be/kyN7A9-CWJI?si=OKNFVZpUqFJDnheN ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ทันตกรรมโมเดิร์นสไมล์ คลินิกศรีราชา และพัทยา 085-2471333 สาขาศรีราชา 085 – 2471222 สาขาพัทยา Line : สาขาศรีราชา Line :สาขาพัทยา Instagram Modernsmile WEBSITE
สารบัญ นอนกัดฟันคืออะไร 10 วิธีเช็คอาการนอนกัดฟัน วิธีแก้ไขอาการนอนกัดฟัน 9 วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการนอนกัดฟัน สรุป นอนกัดฟันคืออะไร การนอนกัดฟัน (Bruxism) คือ ความผิดปกติในขณะนอนหลับอย่างหนึ่ง เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ใช้บดเคี้ยวอาหารมีการหดตัวที่ผิดปกติ จึงเกิดการกัดฟันขึ้น ผู้ที่มีอาการนอนกัดฟันมักจะไม่ทราบสาเหตุของการนอนกัดฟันด้วยตนเองคล้ายกับผู้ที่มีอาการนอนกรน การนอนกัดฟันที่มีลักษณะขบฟันแน่น ๆ มักไม่มีเสียงดังทำให้ไม่มีผู้ใดได้ยิน คนที่นอนกัดฟันแบบนี้จะไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นคนนอนกัดฟัน ดังนั้นการนอนกัดฟันตัวเอง จึงจัดเป็นภัยเงียบที่ท่านอาจไม่รู้ตัวได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาฟันต่างๆ ตามมาเช่น ฟันบิ่น ฟันแตก ฟันร้าว สึกจนทะลุโพรงประสาทฟัน ทำให้ปวดฟันเคี้ยวอาหารไม่ได้ ต้องไปพบทันตแพทย์และต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากในการรักษาฟัน อย่างไรก็ตามหากทันตแพทย์พบว่ามีนัยสำคัญทางจิตวิทยาที่ทำให้กัดฟันหรือเกิดความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ ผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องปรึกษานักบำบัด ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับอาจให้ทำการทดสอบ จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าประชากรโลกกว่าร้อยละ 45 เคยมีอาการผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งจากการนอน เช่น นอนละเมอ นอนกรนหรือนอนกัดฟัน ในขณะที่ร้อยละ 35 มีอาการนอนไม่หลับ เมื่อนอนหลับอย่างไม่มีคุณภาพ รู้สึกง่วงและหาวอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือ ประสิทธิภาพในการทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงระหว่างวันลดลง การนอนกัดฟัน เกิดจากอะไรกันน่ะ? 1. เกิดจากสภาพจิตใจ เช่น เกิดจากการดำเนินชีวิตประจำวันที่อาจมีความเครียดสะสมระหว่างวัน อาจเกิดจากความเร่งรีบในการเดินทาง และการทำงาน รวมไปถึงการได้รับข้อมูลที่ทำให้เกิดความเคลียด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ให้เรานอนกัดฟันในเวลานอนหลับได้ โดยที่เราไม่รู้สึกตัว 2. เกิดจากสภาพช่องปากหรือสภาพฟัน ที่มีความผิดปกติ เช่น เป็นโรคปริทันต์ หรือฟันเก มีการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ ซึ่งในขณะที่หลับ ก็ส่งผลให้นอนกัดฟัน โดยที่ไม่รู้ตัวได้เช่นกัน 3. เกิดจากในคนไข้หรือผู้สูงอายุ ที่มีการสูญเสียฟันแท้ไป โดยที่ไม่ได้ใส่ฟันปลอมทดแทนในการปรับสมดุลช่องปากและฟัน ก็อาจจะทำให้มีช่องโหว่ระหว่างฟัน จำทำให้เกิดอาการนอนกัดฟันได้ 4. เกิดจาก มีการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดื่มประเภท คาเฟอีน หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ แฮลกอฮอร์ รวมไปถึงการสูบบุหรี่ มวน หรือบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งสารเหล่านี้ก็เป็นสิ่งกระตุ้นที่อาจก่อให้เกิดการนอนกัดฟันได้เช่นกัน 5. เกิดจาก การใช้หรือทานยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยากล่อมประสาท ยารักษาหรือระงับอาการทางจิต ยารักษาโรคซึมเศร้า เป็นต้น 10 เช็คอาการนอนกัดฟัน 1. มีอาการหายใจทางปากเวลานอน 2.มีอาการฟันแตกหรือฟันร้าวขณะบทเคี้ยวอาหาร 3.รู้สึกมีอาการที่ติดขัดเวลาอ้าปากหรือเวลาหุบปาก 4.มีอาการเสียงดังของการขบฟันระหว่างนอน 5.มีอาการเจ็บตรงบริเวณกกหู 6.มีอาการเสียวฟันเมื่อดื่มเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น และขณะแปรงฟัน 7.ได้ยินเสียงที่เกิดจากข้อต่อขากรรไกร 8.มีอาการปวดศรีษะ 9.มีอาการสึกกร่อนของเหงือก 10.มีอาการปวดและอับเสบบริเวณข้อต่อของขากรรไกร ปัจจัยอื่นๆที่เพิ่มโอกาสการนอนกัดฟัน ได้แก่ 1.อายุ การนอนกัดฟันเป็นเรื่องที่ปกติกับเด็ก แต่โดยทั่วไปจะหายเองตอนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น 2.บุคลิกภาพหรือลักษณะเฉพาะของแต่ละคน เช่นเป็นบุคคลที่มีนิสัยก้าวร้าว สมาธิสั้น 3.สารกระตุ้นต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน 4.การใช้ยารักษาโรค การนอนกัดฟันสามารถเกิดขึ้นได้จากผลข้างเคียงของยาบางชนิดรวมไปถึงยาจิตเวช วิธีการแก้ไขอาการนอนกัดฟัน 1.การสวมที่ครอบฟันขณะนอนหลับ ซึ่งผลิตมาเพื่อให้พอดีกับฟันของคนไข้โดยเฉพาะ โดยที่ครอบฟันจะป้องกันไม่ให้ฟันบนบดกับฟันล่าง แม้ว่าจะเป็นการจัดการกับการนอนกัดฟันที่ดี แต่นี่ไม่ใช่การรักษา 2.การหาวิธีผ่อนคลายความเครียด เนื่องจากความเครียดจะเป็นสาเหตุหลักของการนอนกัดฟัน อะไรก็ตามที่สามารถลดความเครียดก็จะช่วยลดการนอนกัดฟันได้ อาทิ การเดินเล่นในสวนสาธารณะ การอ่านหนังสือ หรือการแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ การหาวิธีจัดการกับความเครียดในสถานการณ์ต่างๆ ก็อาจช่วยได้ นอกจากนี้ การใช้ผ้าอุ่นแนบกับใบหน้าด้านข้างก็สามารถช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อจากการนอนกัดฟันได้ 3.การลดจุดที่สูงสุดของฟัน เพื่อการทำให้ฟันเท่ากัน การบดเคี้ยวที่ผิดปกติโดยที่ฟันไม่สบกันพอดีสามารถแก้ได้โดยการเสริมฟัน การครอบฟัน หรือการจัดฟันได้ วิธีรักษาแบบใช้ยารักษา 1. ยาคลายกล้ามเนื้อ แพทย์อาจให้ใช้ในบางรายด้วยการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อก่อนนอน โดยใช้เป็นระยะเวลาสั้นๆ 2. การฉีดโบทอกซ์ (OnabotulinumtoxinA: Botox) การฉีดโบทอกซ์อาจช่วยผู้ที่มีการนอนกัดฟันอย่างรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการบรรเทารักษาอื่น ๆ นอนกัดฟันรักษาด้วยเฝือกสบฟัน ซี่งเฝือกสบฟัน สามารถแบ่งออกเป็น 2 ชนิดได้แก่ 1. เฝือกสบฟันแบบนุ่ม ทางงานวิจัยเผยว่า การใส่เฝือกสบฟันแบบนุ่มอาจยิ่งกระตุ้นให้สบฟันมากยิ่งขึ้น 2. เฝือกสบฟันแบบแข็ง ข้างนอกเป็นแบบแข็ง แต่ข้างในอ่อนนุ่ม ทำให้รู้สึกสบายตอนสวมใส่ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถป้องกันอาการกัดฟันได้จริง ซึ่งทาง Vital Sleep Clinic ได้เลือกอุปกรณ์ชนิดนี้ในการรักษาคนไข้ เฝือกสบฟันแข็ง (Splint) สามารถใช้รักษาอาการนอนกัดฟัน ใส่ตอนนอนเพื่อช่วยให้อาการปริทันต์อักเสบดีขึ้น อุปกรณ์ชนิดนี้ช่วยป้องกันไม่ให้ฟันได้รับบาดเจ็บจากการบดเคี้ยวฟันในช่วงเวลากลางคืน โดยอุปกรณ์ชนิดนี้จะปกคลุมพื้นผิวของฟันทั้งหมด จึงช่วยให้กล้ามเนื้อลดความตึงตัวลง อุปกรณ์สามารถผลิตได้โดยทันตแพทย์หรือห้องแลปที่ดูแลด้านนี้โดยเฉพาะ วัสดุที่นำมาใช้ผลิต splint คือ อะคริลิกใส ที่มีความแข็ง โดยทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ใส่อุปกรณ์ครอบแค่ขากรรไกรบนหรือขากรรไกรล่างแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้ ทันตแพทย์จะแนะนำให้ใส่อุปกรณ์ เพื่อลดการสึกหรอของฟัน ปวดกรามอาการข้อต่อขากรรไกรอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันฟันสึกจากการนอนกัดฟันได้เพราะเมื่อใส่เครื่องมือแล้ว ฟันบนและฟันล่างจะไม่สามารถสัมผัสกันโดยตรง ทั้งนี้แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์เนื่องจากจะต้องมีการนัดมาตรวจและดูอาการเป็นระยะด้วย ยางกัดฟัน ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันถูกทำลายจากการบดเคี้ยว และการขบเน้นฟัน และในขณะที่กำลังหลับ เป็นอุปกรณ์สำหรับคนที่มีอาการนอนกัดฟัน ซึ่งได้รับความนิยมในสังคมเป็นอย่างมาก อีกทั้งหาซื้อง่ายตายร้านขายยา หรือ shop ทั่วไป ซึ่งตัวยางกัดฟันนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับครอบฟันในขณะที่พักผ่อนนอนหลับ เพื่อลดอาการสบฟันโดยที่เราไม่รู้ตัว โดยทั่วไปแล้วลักษณะของยางกัดฟันจะเป็นยางใส หรือบางรุ่นก็ผลิตมาจากซิลิโคน แต่งต่างกันออกไป นอกจากฟันยางกันกัดฟัน จะลดอาการกัดฟันได้แล้ว ยังลดอาการสึกหรอของฟัน เมื่อเกิดการบดเคี้ยวขณะหลับได้เช่นกัน 9 วิธีป้องกันไม่ให้เกิดการนอนกัดฟัน 1. ตรวจสุขภาพช่องปากประจำปี ปีละ 2 ครั้ง หรือทุกๆ 6 เดือน 2. ตระหนักถึงความเครียดและความวิตกกังวลและหาวิธีการผ่อนคลาย 3. ลดปริมาณเครื่องดื่มที่ผสมแฮลกอฮอร์เพื่อไม่ให้สุขภาพของฟันแย่ลง 4. ลดปริมาณหรือเลิกการสูบบุหรี่ 5. หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดทุกชนิด 6. หลีกเลี่ยงการกัดสิ่งของเช่น ปากกา ดินสอ หรือของที่เป็นของแข็ง 7. สังเกตุพฤติกรรมของการนอน ถ้าหากว่ามีอาการกัดฟัน ก็ควรหาวิธีการหลีกเลี่ยง และหาวิธีการป้องกัน 8. ฝึกนิสัยการนอนหลับอยู่เสมอ การนอนหลับที่ดีจะช่วยให้ลดอาการ นอนกัดฟัน 9.สอบถามจากคนรอบข้างระหว่างนอน มีเสียงที่เกิดจากการนอนกัดฟันที่ออกจากตัวเราหรือไม่ หากมี ควรแนะนำพบแพทย์ หรือหาแนวทางรักษา สรุป การนอนกัดฟันเป็นเรื่องเล็กที่ไม่ควรมองข้าม เมื่อมีอาการนอนกัดฟันแล้วเราสามารถรักษาให้หายได้ด้วยตนเอง โดย ลดความเครียด ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการนอนกัดฟัน เพราะฉะนั้นควรลดความเครียด ด้วยการหาแพทย์แนะนำให้ปรึกษาเรื่องความเครียด ออกกำลังกาย หรืออาจจะไปทำสมาธิ นอกจากนั้นอาจจะหาสิ่งที่ช่วยเยียวยา เช่น ใช้ชาคาโมไมล์หรือลาเวนเดอร์ ที่สามารถทำให้สงบผ่อนคลายได้ก่อนนอน หยุดดื่มเครื่องเดิมที่มีคาเฟอีน เช่นกาแฟ และรวมถึงเครื่องดื่มให้พลังงาน พยายามอย่าทานช็อกโกแล็ตมากเกินไป คาเฟอีนเป็นสารที่กระตุ้นอาจทำให้เกิดความเครียดไม่ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์เป็นตัวที่ทำให้เราซึมเศร้าซึ่งทำให้นอนหลับยากกว่าเดิม แต่ในกลุ่มบางคนส่วนใหญ่อาจทำให้การนอนหลับง่ายขึ้น เติมแคลเซียมเข้าไปในอาหาร แคลเซียมนั้นจำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทถ้าปริมาณไม่เพียงพอ อาจจะทำให้เกิดอาการเกร็งตึง หรือปัญหากล้ามเนื้ออื่นๆ ปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ทันตกรรมโมเดิร์นสไมล์ คลินิกศรีราชา และพัทยา 085-2471333 สาขาศรีราชา 085 – 2471222 สาขาพัทยา Line : สาขาศรีราชา Line :สาขาพัทยา Instagram Modernsmile WEBSITE
ดื่มชากาแฟทำให้ฟันเหลือง ตัวการทำลายยิ้มสวย สารบัญ ดื่มชากาแฟทำไมฟันเหลือง อาหารและเครื่องดื่มที่ก่อให้เกิดฟันเหลือง วิธีขจัดคราบฟันเหลือง สรุป ดื่มชากาแฟทำให้ ฟันเหลือง ทำไมกันน้าาาา ดื่มชากาแฟทำให้ฟันเหลือง ก็เพราะ ชา กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่มีความเป็นกรด ทำให้เมื่อดื่มเข้าไปแล้วทำให้กัดกร่อนสารเคลือบฟันของเรา และใน ชา กาแฟ ยังมีสารโครโมเจนหรือสารที่ก่อให้เกิดสีในปริมาณสูง จึงทิ้งคราบไว้ที่ฟันของเรา ทำให้ฟันของเรามีคราบเหลือง และไม่ใช่แค่ กาแฟอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึง ชา ไวน์ น้ำอัดลม และผักผลไม้ที่มีสีเข้ม อย่างตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งเป็นของโปรดของคนส่วนใหญ่ ซึ่งพวกอาหารเหล่านี้ก็มีคุณสมบัติทิ้งคราบไว้ให้เกิดฟันเหลืองได้เช่นกัน ส่งผลให้ใครๆ หลายคนมีความกังวลใจที่ เสียความมั่นใจและเสียบุคลิกภาพ ศูนย์ทันตกรรมโมเดิร์นสไมล์ คลินิก ศรีราชา และพักทยา ขอแยกจำแนกอาหารที่ก่อให้เกิดฟันเหลือง ดังนี้ เครื่องดื่ม จำพวก ชาและกาแฟ เครื่องดื่มจำพวก ชาและกาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่มีโครโมเจนหรือสารที่ก่อให้เกิดสีในปริมาณที่เยอะมากๆ และยังมีแทนนินที่มีความเป็นกรดกัดกร่อนผิวเคลือบฟัน ทำให้โครโมเจนที่เคลือบนผิวฟัน โดยได้มีรายงานค้นพบว่า คราบกาแฟมักเป็นสาเหตุให้เกิดฟันเหลืองซ้ำๆ ได้ง่ายมากๆ ในท่านที่ผ่านการฟอกสีฟันมา อีกทั้งยังกำจัดคราบเหลืองออกได้ยากถึงแม้ว่าจะแปรงฟันอย่างถูกวิธีแล้วก็ตาม และในเครื่องดื่มประเภทชาซึ่งมีปริมาณของสารแทนนินสูงกว่าก็สามารถทำให้เกิดฟันเหลืองได้มากกว่ากาแฟโดยเฉพาะ ชาดำ หากจะให้ใครๆ หลายๆคน หยุดดื่มกาแฟ ก็คงเป็นไปได้ยาก แต่อาจจะเลือกดื่มชาหรือกาแฟ ที่มีแทนนินน้อยหรือมีรสฝาดน้อย เช่น ชาสมุนไพร ชาขาว ชาเขียว เพื่อใช้เป็นตัวเลือกในการบริโภค เพราะชาหรือกาแฟ ที่มีมีแทนน้อยและมีรสผากน้อยจะไม่ค่อยทิ้งคราบสีที่เกาะติดไว้บนผิวฟัน เครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีสีสรรต่างๆ อย่างเล่นน้ำอัดลม รวมไปถึงโซดาและเครื่องดื่มเกลือแร่บางชนิดที่มีกรดคาร์บอนิก กรดฟอสฟอริก และกรดซิตริก ซึ่งสารเหล่านี้จะเป็นตัวทำลายผิวเคลือบฟัน อีกทั้งยังมีโครโมเจนที่เป็นสารก่อให้เกิดสีซึ่งเป็นตัวที่สามารถก่อให้เกิดเป็นคราบเหลืองบนผิวฟันได้ โดยการดื่ิมเครื่องดื่มอย่างเช่น น้ำอัดลมที่เย็นจัด อาจทำให้โครโมเจนจับกับผิวฟันได้มากขึ้นด้วย อีกทั้งเครื่องดื่มประเภทนี้ยังมีน้ำตาลสูงเป็นอย่างมากอันเป็นสาเหตุให้ช่องปากเป็นกรดมากขึ้น ซึ่งจะคอยกัดกร่อนผิวเคลือบฟันจนทำให้ฟันเหลืองได้ ผักผลไม้ ผลไม้ที่มีสีเข้ม เช่น มะเขือเทศ บีทรูท สตรอเบอร์รี่ ทับทิม องุ่นแดง บลูเบอร์รี่ เชอร์รี่ รวมไปถึงน้ำผักผลไม้เหล่านี้ ซึ่งเป็นแหล่งของโครโมเจน แทนนิน และกรด ซึ่งทำให้บริเวณผิวเคลือบฟันอ่อนตัวลงและมีผิวฟันขรุขระไม่เรียบเนียน จนก่อให้เกิดพวกสารโครโมเจนและแทนนินเข้ามายึดเกาะเป็นคราบเหลืองบริเวณผิวฟันที่ขรุขระ และผลไม้จำพวกสีน้อยอย่างเช่นองุ่นขาวหรือพวกผักผลไม้ที่มีสีอ่อนๆ ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีในการเลือกรับประทาน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดฟันเหลือง และผลไม้บางชนิดโดยเฉพาะผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวก็เป็นสิ่งหนึ่งที่อาจก่อให้เกิดการกัดกร่อนผิวเคลือบฟันจนเสี่ยงต่อฟันเหลืองได้ด้วยเช่นกัน เครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มจำพวกที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ หรือเหล้า ซึ่งจะมีกรดกับสี ซึ่งทำให้ฟันเหลืองขึ้นได้ และ ไวน์แดง มีโครโมเจน แทนนิน และกรดเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ฟันเหลืองได้เช่นกัน โดยผิวเคลือบฟันจะโดนกรดกัดกร่อนแล้วโครโมเจนกับแทนนินจะเข้ามาติดบนผิวเคลือบฟัน แต่ในส่วนของไวน์ขาว แม้จะแตกต่างตรงที่ไม่มีโครโมเจนเหมื่อนไวน์แดง แต่ก็ยังมีแทนนินกับกรดซึ่งทำให้ผิวเคลือบฟันถูกกัดกร่อนได้เช่นกัน จึงทำให้โครโมเจนจากอาหารอื่น ๆ ที่ทานเข้ามาจับกับผิวฟันได้ง่ายจนเกิดคราบเหลืองได้เช่นกัน ลูกอม ลูกกวาด ไอศรีม ขนมหวาน ลูกอม ลูกกวาด ไอศกรีม และหวานเย็น เป็นอาหารที่มักจะมีส่วนผสมของสีสังเคราะห์ ซึ่งจะทำให้เกิดคราบบนผิวฟันได้ และขนมหวานยังมีส่วนผสมของน้ำตาลสูงอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ช่องปากเป็นกรดจนทำให้ผิวเคลือบฟันถูกทำลายได้ และทำให้คราบอาหารยึดเกาะบนผิวฟัน เครื่องปรุงบางชนิดในการปรุงอาหาร เครื่องปรุงที่ใช้ในการประกอบอาหาร ตัวอย่างเช่น ผงกะหรี่ ซอสมะเขือเทศ น้ำส้มสายชูหมักจากน้ำองุ่น และซอสถั่วเหลือง สามารถทำให้ฟันเหลืองได้เมื่อจับกับผิวเคลือบฟัน หากต้องการใช้เครื่องปรุงในการรับประทานหรือปรุงอาหารเพื่อแต่งรสชาติหรือสีสันในอาหาร อาจเปลี่ยนเครื่องปรุงเป็นซอสครีมหรือน้ำส้มสายชูที่หมักจากข้าวแทน เพื่อป้องกันการเกิดคราบเหลือฟันเหลือง วิธีในการกำจัดคราบเหลืองจากการดื่ม ชา กาแฟ 1.วิธีดื่มน้ำบ่อย ๆเพื่อช่วยขจัดคราบ หากเราดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำก็จะเป็นตัวช่วยในการขจัดคราบชาและกาแฟไม่ให้เกาะติดบนผิวฟันได้ เพราะนำ้เป็นส่วนที่จะช่วยชะล้าง และลดคราบชากาแฟที่ติดอยู่ตามฟันได้หลังจากที่ดื่มชาและกาแฟ หากใครเป็นคนที่ชอบดื่มชากาแฟเป็นประจำ ในระหว่างที่ทานกาแฟหรือชา ก็อาจจะมีน้ำดื่มสะอาดๆไว้เป็นตัวช่วยในการชะล้างช่องปากและคราบของชากาแฟ 2. ขูดหินปูนปีละ 2 ครั้งหรือ ทุกๆ 6 เดือน ควรพบเเพทย์เพื่อขูดหินปูน ปีละ 2 ครั้ง หรือทุกๆ 6 เดือน เพื่อช่วยลดปัญหาการเกิดคราบพลัคจากการทานอาหาร รวมไปถึงคราบเครื่องดื่มจากพวกชา กาแฟที่เป็นคราบติดบนผิวฟัน ถ้าปล่อยไว้นานก็จะเกิดคราบหินปูนเกาะบริเวณฟันได้ หากไม่ได้ขูดหินปูนอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ในระยะยาว 3. ใช้ยาสีฟันที่ช่วยลดคราบเหลืองจากชากาแฟ ที่มีส่วนผสมของ Micro White Silica ซิลิกาอณูเล็กพิเศษที่มีส่วนช่วยลดคราบพลัคไม่ให้เกาะติดตามผิวฟันและร่องฟัน โดยไม่ทำลายเคลือบฟัน PVP ช่วยสลายคราบเหลืองจากชา กาแฟที่มีการเกาะติดบนผิวฟัน CYCLODEXTRIN (CDX) เพื่อช่วยลดกลิ่นปาก ทำให้ลมหายใจหอมสดชื่น Hydroxyapatide HAP คืนแร่ธาตุสู่ผิวฟัน ทำให้ฟันแข็งแรง เติมเต็มช่องว่างระหว่างเนื้อฟัน สรุป การใช้ชีวิตคนเราในปัจจุบัน ก่อให้เกิดคราบฟันเหลืองได้หลากหลายสาเหตุ ตัวอย่างเช่นการดื่มชากาแฟ รวมไปถึง การทานผักผลไม้ เครื่องดื่มเเฮลกอฮอร์และเครื่องดื่มจำพวกน้ำอัดลม หรือพวกโซดาต่างๆ รวมไปถึงพวกของหวาน ลูกกวาด ลูกอม และของหวานที่มีส่วนของผสมของนำ้ตาล อีกทั้ง ส่วนผสมหรือเครื่องปรุงในการใช้ประกอบอาหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดคราบฟันเหลืองทั้งสิ้น ดังใน วิธีการป้องกัน เช่นในการดื่มชากาแฟ ก็ควรที่จะมีน้ำดื่มที่สะอาด ไว้สำหรับชะล้างพวกคราบที่จะติดบนผิวฟัน หลังจากดื่มชากาแฟเสร็จ และก็ไม่ควรที่จะละเลยที่จะไปพบเเพทย์เพื่อดำเนินการขูดหินปูน 2 ครั้งต่อปี หรือทุกๆ 6 เดือน และเลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนช่วยในการขจัดคราบ ลดกลิ่นปาก ทำให้ลมหายใจสดชื่น และยาสีฟันก็ควรจะต้องมีคุณสมบัต ที่ช่วยคืนแร่ธาตุสู่ผิวฟัน ทำให้ฟันแข็งแรง และเติมเต็มช่วงว่างระหว่างเนื้อฟันอีกด้วย ทุกปัญหาเรื่องช่องปากและฟัน ปรึกษาฟรี ได้ที่ ศูนย์ทันตกรรม โมเดิร์นสไมล์ คลินิก สาขา ศรีราชา และ พัทยา 085-2471333 สาขาศรีราชา 085 – 2471222 สาขาพัทยา Line : สาขาศรีราชา Line :สาขาพัทยา Instagram Modernsmile WEBSITE
สารบัญ แมงกินฟันคืออะไร สาเหตุที่ทำให้เกิดแมงกินฟัน วิธีดูแลและรักษาไม่ให้เกิดแมงกินฟัน ปวดฟันทำอย่างไรดี สรุป ใช่หรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ เรื่อง แมงกินฟัน หลายต่อหลายคน คงได้ยินคำว่า แมงกินฟัน ทำให้เกิดฟันดำ และฟันผุ ถ้าหากเราดูแลรักษาทำความสะอาดฟันไม่ดี จะทำให้แมงเข้าไปกินฟันของเรา ว่าแต่ แมงกินฟัน มีจริงหรือ? แล้วแมงกินฟันของเราได้ จริงหรือ แล้วหน้าตาของแมงกินฟัน จะมีลักษณะเป็นยังไงกันนะ วันนี้ ศูนย์ทันตกรรม โมเดิร์นสไมล์ คลินิก มีคำตอบมาให้ค่ะ แมงกินฟันคืออะไร แมงกินฟัน ฟันกินแมง แมงอยู่ในฟัน ฟันเป็นรู หรือฟันเป็นโพรง จริงแล้ว แมงกินฟัน ไม่มีอยู่จริง แมงกินฟัน คือ แบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก เกิดขึ้นจากการสะสมของเศษอาหารที่ติดอยู่ที่ซอกฟัน หรือซี่ฟัน ซึ่งเมื่อมีการสะสมของเศษอาหารในระยะเวลาหนึ่งก็จะเกิดเป็นกรด ซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนตัวเคลือบฟัน ทำให้ซี่ฟันสูญเสียแคลเซียม และ ฟอสฟอรัส หากไม่มีการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดี หรือการแปรงฟันที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดอาการปวดฟัน และถ้าปล่อยไว้ ก็จะทำให้เกิดฟันผุได้ในที่สุด ซึ่งโรคนี้จะเกิดขึ้นได้ง่ายในเด็กช่วยอายุประมาณ 3-6 ปี หรือในผู้ใหญ่ที่ ขาดการดูแลรักษาสุขภาพที่ถูกต้องและผิดวิธี รวมไปถึงการแปรงฟันที่ไม่สะอาดอีกด้วย สาเหตุที่ทำให้เกิดแมงกินฟัน แมงกินฟันสามารถเกิดได้หลายๆ รูปแบบดังนี้ 1. รูปร่างและลักษณะของฟันแต่ละซี่เกิดจากความผิดปกติของกรรมพันธุ์ หรือเกิดจากการใช้ชีวิตประจำวันของคนไข้ เช่นลักษณะฟันมีการเกทับซ้อนกัน ทำให้การทำความสะอาดเข้าถึงได้ยาก 2. ขาดแคลเซียม ฟอสฟอรัส และพวกวิตามิน A และ C ที่มีความสำคัญต่อต่อการบำรุงฟัน 3.เกิดการสะสมของแบคทีเรียที่เกิดจากการรับประทานอาหาร และเกิดจากการทำความสะอาดช่องปากและ ซี่ฟันไม่ทั่วถึง 4. ประสิทธิภาพการผลิตน้ำลายในช่องปากน้อยเกิดไป จนไม่สามารถชำระล้างและฆ่าเชื่อแบคทีเรียในช่องปากได้เท่าที่ควร วิธีดูแลรักษาและป้องกัน 1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมไปถึงวิตามินต่างๆ เช่น วิตามิน A และ C รวมไปถึงอาหารที่มีแคลเซียมและ ฟอสฟอรัส เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการดูแลและปกป้องผิวเคลือบฟัน 2. ทำความสะอาดช่องปาก หรือแปรงฟัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หลังรับประทานมื้ออาหาร 3. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดช่องปากหลังการแปรงฟัน อย่างเช่น ไหมขัดฟัน และ น้ำยาป้วนปากที่ไม่มีสารกัดกร่อนผิวฟัน เพื่อช่วย เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลความสะอาด 4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวัน 8 แก้ว หรือ 1.5 ลิตร เพื่อเป็นตัวช่วยในการผลิตน้ำลายให้มีประสิทธิภาพในการชำระล้าง แบคทีเรียในช่องปาก 5.หากต้องเคี้ยวหมากฝรั่งให้เลือกเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของ xylitol ซึ่งเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดฟันผุ 6. พบหมอฟันเป็นประจำทุกๆ 6 เดือน หรือเมื่อเริ่มมีอาการเพื่อวางแผนในการรักษาอย่างทันถ่วงที 7. หากพบว่าฟันเริ่มเป็นรูหรือโพรง ให้กำจัดฟันผุโดยการใช้วัสดุในการอุดฟัน 8. หากในกรณีที่ฟันเป็นรูหรือผุจนถึงโพรงประสาทฟัน จะต้องดำเนินการรักษาโดยการรักษารากฟัน ส่วนไหนของฟันที่มีโอกาสผุได้มากมากกว่าส่วนอื่น โดยปกติแล้วผิวฟันของคนเราจะมีทั้งในส่วนที่ราบเรียบและในส่วนที่เป็นร่องฟัน ซึ่งในส่วนของที่เป็นร่องฟันนี้เองที่มีโอกาสที่จะเกิดฟันผุได้มากกว่าส่วนอื่นๆ เพราะเป็นตำแหน่งที่เวลาทานอาหารแล้วเศษอาหารจะเข้าไปติดในร่องฟันได้ง่ายจึงมีโอกาสส่วนที่จะทำให้เศษอาหารเข้าไปติดในซอกฟันนั้นๆ หากทำความสะอาดไม่ดีแล้ว ก็จะไม่สามารถทำความสะอาดได้หมด หากซอกฟันส่วนใดส่วนนึงที่ทำให้ฟันผุแล้ว จะส่งผลต่อฟันซี่ข้างๆ ได้รับผลกระทบจากฟันที่ผุได้ด้วยอย่างลุกลามและรวดเร็ว ถ้าฟันผุแล้วไม่ได้รับการรักษาจะก่อให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ปัญหาที่ส่งผลต่อเนื่องหากมีอาการฟันผุ ก็จะก่อให้เกิด อาการเสียวฟัน และปวดฟัน และที่สำคัญจะเป็นการสร้างบุคลิกภาพในด้านดีของตนเองอีกด้วย เช่น ไม่กล้ายิ้ม และ มีกลิ่นปากจนไม่กล้าที่จะมีการพูดคุยหรือประสานงานกับ บุคคลอื่นได้ ในบางกรณีที่มีฟันผุจนทะลุชั้นเนื้อโพรงประสาท ก็จะมีอาการติดเชื้อหรืออักเสบ ทำให้ช่องปากมีตุ่มหนอง และมีอาการบวม รวมไปถึงมีอาการปวดร่วมด้วย และอาจจะมาสู่ ปัญหาสุขภาพอย่างร้ายแรงอื่นๆ ได้ เช่นมีอาหารฟันหัก ฟันโยก จนต้องรักษาโดยการถอนฟัน จนส่งผลต่อระบบอื่นๆ ของร่างกายได้ ปวดฟันทำอย่างไรดี วิธีบรรเทาอาการปวดฟันเบื้องต้น หากยังไม่สามารถไปพบทันตแพทย์ได้ทันที สามารถบรรเทาอาการปวดฟันเบื้องต้นด้วยตนเอง ได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังต่อไปนี้ 1. ลดสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ปวดฟันเพิ่มขึ้น หรือทำให้ประสาทฟันบาดเจ็บมากขึ้น เช่น – ของเย็นจัด : น้ำแข็ง ไอศครีม – ของร้อนจัด : น้ำร้อน ชาร้อน กาแฟร้อน อาหารร้อน – อาหารที่มีรสหวานจัด รสเปรี้ยว 2. ลดการกระทบกระแทกกับฟันซี่นั้น อาการปวดฟันจะเป็นมากขึ้น ถ้าฟันซี่นั้นถูกกระแทกบ่อยๆ หรือตัวฟันสูงกว่าซี่อื่นๆ บางครั้งฟันถูกหนุนลอยตัวขึ้นมาเพราะมีหนอง 3. รับประทานอาหารที่ไม่ต้องใช้แรงเคี้ยวมาก เช่น อาหารนิ่มๆ เลี่ยงอาหารแข็งๆ หรือเหนียวๆ ที่ต้องใช้แรงบดเคี้ยวมาก หรือเลี่ยงไปเคี้ยวอีกด้าน 4. ใช้ไหมขัดฟัน ถ้าอาการปวดเกิดจากเศษอาหารติดฟัน อาการจะเป็นมากถ้าอาหารถูกอัดแน่นในซอกเหงือกเป็นเวลานานๆ วิธีที่ดีที่สุดคือ ให้รีบเอาเศษอาหารเหล่านั้นออกให้เร็วที่สุด โดยการใช้ไหมขัดฟัน (Dental floss) ไม่ควรใช้ไม้จิ้มฟัน 5. ใช้น้ำร้อนช่วยประคบ ถ้ามีฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน เป็นหนองที่ปลายรากฟัน และมีอาการบวมเห็นได้ชัด การใช้น้ำร้อนช่วยประคบบริเวณที่บวมภายนอกช่องปากช่วยลดอาการปวดฟันได้ดี และช่วยเพิ่มการระบายหนอง สามารถบรรเทาอาการปวดได้ดีทีเดียว 6. น้ำมันกานพลู เป็นยาที่ช่วยลดอาการปวดฟันได้ ซึ่งมีการนำมาใช้เป็นเวลานานแล้ว โดยใช้สำลีชุบน้ำมันกานพลู แล้วอุดลงไปในรูที่ผุ ฤทธิ์ของน้ำมันกานพลูจะออกฤทธิ์เป็นยาแก้ปวดฟันที่ดีมาก 7. อมเกลือแก้ปวดฟัน เกลือมีสรรพคุณที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดฟัน เราสามารถนำเกลือผสมกับน้ำอุ่น อมทิ้งไว้ประมาณ 30 วินาที เพื่อบรรเทาอาการปวดฟันได้ สรุป ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่เราได้ยินประโยคที่ว่า แมงกินฟัน ฟันกินแมง หรือนอนกินฟัน นั้น ไม่มีอยู่จริง ไม่มีหนอน หรือแมง ใดๆ ทั้งสิ้นที่เข้าไปอยู่ในช่องปากแล้วเข้าไปทำลายฟันของพวกเรา ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ฟันเกิดอาการผุ เป็นรูและมีสีดำ เกิดจากการทานอาหาร แล้วเศษอาหารเหล่านั้นเข้าไปติดอยู่ในซอกซี่ฟัน และไม่ได้รับการแปรงฟัน หรือทำความสะอาดฟันที่ไม่ดีพอ จดเกิดการสะสมของเเบคทีเรียซึ่งกระตุ้นสารที่ก่อให้เกิดการทำลายของเคลือบฟันจนทำให้ฟันผุในที่สุด ทุกปัญหาเรื่องช่องปากและฟัน ปรึกษาฟรี ได้ที่ ศูนย์ทันตกรรม โมเดิร์นสไมล์ คลินิก สาขา ศรีราชา และ พัทยา 085-2471333 สาขาศรีราชา 085 – 2471222 สาขาพัทยา Line : สาขาศรีราชา Line :สาขาพัทยา Instagram Modernsmile WEBSITE
ความสำคัญของฟันน้ำนมของลูกน้อย🦷 คุณพ่อ คุณแม่ รู้ไหมว่าฟันน้ำมันของลูกน้อยนั้นสำคัญอย่างไร วันนี้คลินิกโมเดิร์นสไมล์ จะเชิญชวน คุณพ่อ คุณแม่ ของลูกน้อยมาใส่ใจเรื่องสุขภาพฟันของลูกให้มากขึ้น โดยเริ่มจากการทำความรู้จักฟันน้ำนมซี่แรก เพราะชุดฟันน้ำนมนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ ‘ฟันชั่วคราว’ แต่มีหน้าที่อื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้ใคร คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องทำใส่ใจ และดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อย ให้สะอาดอยู่เสมอในทุกช่วงวัย สารบัญ >ฟันน้ำนมของลูกน้อยจะเริ่มขึ้นตอนไหน – ขึ้นครบเมื่อไหร่ >ฟันน้ำนมคืออะไร >หน้าที่ของฟันน้ำนม >การสังเกตอาการฟันน้ำนมผุในลูกน้อย >เด็กไม่แปรงฟัน คุณพ่อคุณแม่จะรับมือยังไงดี ฟันน้ำนมของลูกน้อยจะเริ่มขึ้นตอนไหน – ขึ้นครบเมื่อไหร่ ฟันน้ำนมของเด็กนั้นจะเริ่มขึ้นในขวบปีแรก โดยฟันจะค่อย ๆ เริ่มขึ้นเมื่อเด็กมีอายุตั้งแต่ 6-12 เดือนขึ้นไป ฟันน้ำนมของเด็ก จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 20 ซี่ และจะเริ่มทยอยขึ้นจนครบ 32 ซี่ เมื่อมีอายุตั้งแต่ 12-21 ปีขึ้นไป ฟันน้ำนมทั้ง 20 ซี่ของเด็ก จะทยอยขึ้นจนครบทุกซี่เมื่อเด็กมีอายุได้ 3 ปี # # โดยฟันน้ำนมจะเริ่มหลุดเมื่อเด็กอายุประมาณ 6-7 ปี # # * * หลังจากนั้นฟันแท้จะขึ้นมาแทนที่ * * ฟันน้ำนมคืออะไร ฟันน้ำนม คือ กระดูกที่ขึ้นมาเพื่อให้ใช้บดเคี้ยวอาหาร โดยฟันน้ำนมชุดแรกนั้น จะขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน โดยทั่วไปจะขึ้นเป็นคู่พร้อมกัน 2 ซี่ คือ ฟันซี่หน้าด้านล่าง และจะค่อยๆ ขึ้นจนครบ 20 ซี่ * ซึ่งฟันของลูกมักจะทยอยขึ้นตามลำดับดังนี้ * ฟันหน้าด้านล่าง จะขึ้นเมื่อลูกอายุประมาณ 6 เดือนถึง 8 เดือน ฟันหน้าด้านบน จะขึ้นเมื่อลูกอายุประมาณ 8 เดือนถึง 12 เดือน เขี้ยวทั้งด้านบนและด้านล่าง จะขึ้นเมื่อลูกอายุประมาณ 16 เดือนถึง 20 เดือน ฟันกรามใหญ่ทั้งบนและล่าง จะขึ้นเมื่อลูกอายุประมาณ 12 เดือนถึง 16 เดือน ฟันกรามเล็กทั้งบนและล่าง จะขึ้นเมื่อลูกอายุประมาณ 20 เดือนถึง 30 เดือน หน้าที่ของฟันน้ำนม 1. ช่วยในการเคี้ยวอาหาร เพื่อให้เด็กได้รับสารอาหารที่เหมาะสม เพื่อการพัฒนาร่างกายให้เจริญเติบโตได้ดี ในการวิจัยพบว่าเด็กที่มีฟันผุหลายซี่ อาจทำใหมีการเจริญเติบโตที่ต่ำกว่ามาตรฐาน 2. เพื่อให้การออกเสียงชัด เด็กวัยนี้เป็นวัยฝึกพูด การที่ฟันหน้าน้ำนมผุ แหว่งไป มีผลต่อการออกเสียงที่ชัดเจนถูกต้อง 3. ฟันน้ำนม ช่วยพัฒนาบุคลิกภาพที่ดี โดยธรรมชาติในหมู่เด็กจะมีการล้อเลียนกันอยู่แล้ว เมื่อมีใครที่มีฟันผุหรือฟันถูกถอนไปก่อนกำหนดทำให้เกิดการล้อเลียนกัน ทำให้ความไม่มั่นใจเกิดขึ้น 4. การมีฟันน้ำนมใช้งาน กระดูกที่รองรับฟันก็จะได้รับการกระตุ้นให้เติบโตขยายใหญ่ขึ้นตามธรรมชาติ หากฟันน้ำนมถูกถอนไป ทั้งกระดูกและพื้นที่ในช่องปากก็จะลดลง ส่งผลให้ฟันแท้เบียดเกได้ วิธีการดูแลรักษาสุขภาพเหงือกและฟันน้ำนม 1.ให้เด็กแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน แปรงฟันให้เด็ก หรือช่วยให้เด็กเรียนรู้วิธีแปรงฟัน 2.รักษาความสะอาดของช่องปากอยู่เสมอ บ้วนปาก แปรงฟัน หลังรับประทานอาหาร และควรใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดฟันเพิ่มเติม 3.รับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ และจำกัดปริมาณอาหารหรือขนมขบเคี้ยวที่ไม่มีประโยชน์ 4.พาเด็กไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพฟันเป็นประจำ การสังเกตอาการฟันน้ำนมผุในลูกน้อย เราสามารถสังเกตฟันผุในระยะเริ่มแรกของเด็กได้จาก รอยสีขาวขุ่นบริเวณคอฟัน มีจุดสีดำหรือสีน้ำตาลเล็กๆ บนผิวฟัน เมื่อพบรูผุที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นเด็กจะมีอาการปวดฟัน หรือเสียวฟันเมื่อดื่มน้ำเย็น น้ำร้อน หรือของหวาน ควรได้รับการรักษาโดยการอุดฟัน ซึ่งเมื่อฟันผุลุกลามจนเกิดการติดเชื้อของเนื้อเยื่อโพรงประสาทฟัน เด็กจะปวดฟันมากจนนอนไม่หลับ ต่อมาจะเกิดหนอง ถึงขั้นนี้ก็คงจะต้องทำการรักษารากฟันหรือถอนฟัน # เด็กไม่แปรงฟัน คุณพ่อคุณแม่จะรับมือยังไงดี # ไม่ใช่เด็ก ๆ ทุกคนที่จะชอบแปรงฟัน ดังนั้น หากลูกเริ่มมีปฏิกิริยาปฏิเสธ หรืองอแงที่จะแปรงฟันขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็ คุณพ่อคุณแม่สามารถจะรับมือได้ ดังนี้ค่ะ ลองร้องเพลง เด็กมักจะถูกหลอกล่อด้วยเสียงเพลงและดนตรีได้ง่าย เพื่อให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายขึ้นขณะแปรงฟัน คุณพ่อคุณแม่อาจจะร้องเพลงไปด้วย ยิ่งเป็นเพลงที่ลูกชอบยิ่งดี แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าเสียงของตัวเองอาจจะทำให้ลูกตกใจมากกว่าผ่อนคลาย ก็สามารถเปิดเพลงประกอบแล้วลิปซิงค์ไปพร้อม ๆ กันก็ได้ค่ะ ทำให้การแปรงฟันสนุกขึ้น เหมือนเป็นเกมแปรงฟันแบบวิ่งผลัด โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะตกลงกับลูกอีกนิดหนึ่งว่า ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อหรือแม่จะแปรงให้ดูก่อน แล้วลูกค่อยแปรงตามนะ เมื่อแปรงเสร็จแล้วก็ส่งสัญญาณว่า เอาล่ะพ่อ/แม่แปรงเสร็จแล้ว ต่อไปตาหนูแล้วนะ ให้ลูกคุ้นเคยกับแปรงสีฟัน คุณพ่อคุณแม่อาจจะให้ลูกได้ถือ หยิบ จับ หรือแม้แต่กัดแปรงสีฟันเล่น เพื่อทำความคุ้นเคยกับแปรงสีฟันไปก่อน เพราะเมื่อลูกเริ่มเอาแปรงสีฟันเข้าปากได้เอง ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะสอนแปรงฟันอย่างถูกวิธีต่อไป แต่ไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นแปรงสีฟันโดยคลาดสายตานะคะ เพราะอาจเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ค่ะ ใจเย็น ๆ ใช่ค่ะ คุณพ่อคุณแม่ควรใจเย็น ๆ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ดีในครั้งแรก ถ้าลูกยังไม่ยอมแปรงฟันด้วยตัวเอง คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องแปรงให้ไปก่อน หรือทำความสะอาดฟันของลูกด้วยผ้าสะอาดชุบน้ำ ระหว่างนั้นค่อยๆ เกลี้ยกล่อมไปเรื่อย ๆ ว่าแปรงฟันเองจะเป็นเก่ง หรือจะได้ของรางวัล พยายามทำให้ลูกเห็นข้อดีของการแปรงฟันด้วยตัวเองไปพร้อม ๆ กันค่ะ เมื่อคุณพ่อ คุณแม่ กังวลเรื่องสุขภาพฟันของลูกน้อย สามารถเข้ามาปรึกษาเราได้ที่ MODERN SMILE DENTAL CLINIC สาขาศรีราชา, สาขาพัทยา เรา คือ คลีนิกทันตกรรมที่ดีที่สุดในชลบุรี เปิดให้บริการมานานกว่า 20 ปี พร้อมทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เราได้รับความไว้วางใจจากชาวเมืองศรีราชาและพัทยามาอย่างยาวนาน เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาทั้งทางด้าน เครื่องมือ อุปกรณ์ทางทันตแพทย์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ พร้อมทั้งคัดสรรทันตแพทย์ที่มีคุณภาพและเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทันตกรรมต่างๆ เช่น ขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน จัดฟัน เกรารากฟัน รักษารากฟัน ทำฟันปลอม รากเทียม ฟอกสีฟัน เครือบฟลูออไลน์ และอื่นๆอีกมากมายไว้บริการทุกท่านด้วยคลินิกทันตกรรมครบวงจรเรายินดีและพร้อมให้บริการการรักษาทุกท่านซึ่งครอบคลุมทุกด้านทางทันตกรรม 085-2471333 สาขาศรีราชา 085 – 2471222 สาขาพัทยา Line : สาขาศรีราชา Line :สาขาพัทยา Instagram Modernsmile WEBSITE