จัดฟัน
การ จัดฟัน นั้นต้องอาศัยเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจัดฟัน โดยทันตแพทย์จัดฟันจะเริ่มจากการวินิจฉัย รักษา และป้องกันความผิดปกติของฟัน โดยอาจจะเลือกชนิดเครื่องมือได้ตามความเหมาะสม มีราคาที่ค่อนข้างหลากหลาย ตาม life style ของแต่ละบุคคล เช่น การใช้เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น (Dental braces) เช่น การจัดฟันแบบติดเหล็กธรรมดา แบบเซรามิก แบบ Damon หรือเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ จัดฟันใส (clear aligner) หรือ จัดฟันแบบใส Invisalign
จัดฟัน คืออะไร
เป็นทันตกรรม จัดฟัน เพื่อการแก้ไขฟันและขากรรไกร ฟันยื่น ฟันที่ขบกันไม่พอดี เพื่อให้ฟันเกิดการเคลื่อนย้ายไปในทิศทางที่ต้องการและขยับเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบประโยชน์ของการดัดฟันยังช่วยเพิ่มความสวยงามของฟัน ทำให้พูดหรือยิ้มได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
สารบัญ
- จัดฟันช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ฟันแบบไหนควรจัดฟัน
- จัดฟันมีกี่แบบ?
- จัดฟันแบบโลหะติดแน่น (METAL BRACKET) หรือ เหล็กจัดฟัน
- test
- จัดฟันติดแน่นแบบดามอน DAMON
- จัดฟันใส (CLEAR ALIGNER)
- จัดฟันเซรามิก (Ceramic Bracket)
- จัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร
- ขั้นตอนการจัดฟัน
- ข้อควรรู้ก่อนจัดฟัน
- คำถามที่พบบ่อยจากสมาคมจัดฟัน
- เครื่องมือจัดฟันมีอะไรบ้าง?
- ข้อควรปฏิบัติในระหว่างการจัดฟัน
- คำถามที่พบบ่อย
จัดฟัน ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- จัดฟัน ช่วยปรับแนวฟันให้เรียงตัวเป็นระเบียบ และช่วยรักษาสุขภาพช่องปากดีขึ้น ลดปัญหาฟันผุได้ เพราะฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบนี้ เป็นที่มาของเศษอาหาร ที่ไปอยู่ตามซอกหลืบของฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของฟันผุ
- เมื่อฟันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ก็ทำให้การดูเเลรักษาฟันก็เป็นเรื่องง่ายขึ้น การดูเเลฟันให้ดีเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้คุณรักษาฟันให้อยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต
- การดัดฟันช่วยปรับรูปหน้าให้เข้าที่ ดูสมส่วนขึ้น จากคนที่ประสบปัญหาฟันสบลึกดูฟันล่างยื่น หรือฟันเหยินไม่กล้าหัวเราะหรือยิ้มได้เต็มที่ ก็กลับมามั่นใจ จากรอยยิ้มเเละฟันที่สวยงามได้ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับรอยยิ้ม เสริมบุคลิกภาพ จากการที่มีฟันเรียงกันสวยงามครับ
ฟันแบบไหนควร จัดฟัน
เมื่อฟันไม่เรียงตัว การทำความสะอาดจะยากขึ้น และทำให้เกิดฟันผุ เป็นโรคเหงือก นอกจากนี้ ฟันที่สบกันไม่สนิทจะทำให้เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด อีกทั้งยังเป็นปัญหาเกี่ยวกับการพูดที่เกิดจากการสบของฟันอีกด้วย
ฟันบนยื่น
ยื่นออกมาข้างหน้ามากไป
ฟันล่างยื่น
ออกมาข้างหน้ามากไป
ฟันกัดคร่อม
ไม่สามารถขบได้พอดีกับฟันล่าง
ฟันสบเปิด
เมื่อขบฟันและแล้วมีช่องว่างระหว่างฟันบนกับฟันล่าง
ฟันห่าง
มีช่องว่างระหว่างฟันหรือฟันที่ขึ้นไม่เต็ม
ฟันกัดเบี้ยว
จุดศูนย์กลางของฟันบนไม่ตรงกับฟันล่าง
ฟันซ้อน
ฟันที่ขึ้นมามากเกินไปจนเกทับกัน
หากมีความผิดปกติในการเรียงตัวของฟันเฉพาะตำแหน่ง ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้มีผลต่อพัฒนาการของกระดูกขากรรไกรและฟันข้างเคียง และการแก้ไขความผิดปกติดังกล่าวสามารถทำได้ไม่ยุ่งยาก ก็ควรจะเริ่มการบำบัดรักษา ตั้งแต่เมื่อเริ่มพบเห็น ความผิดปกติ
หากคนไข้มีอุปนิสัย (Oral habit) ที่ผิดปกติบางประการที่มีผลต่อพัฒนาการของกระดูกและฟัน เช่น การกลืนที่ผิดปกติ การกัดริมฝีปากและเล็บ การดูดนิ้ว การหายใจทางปาก ก็ควรจะเริ่มให้การบำบัดรักษาอุปนิสัยที่ผิดปกติดังกล่าว ตั้งแต่ในระยะแรกที่ตรวจพบ
จัดฟัน มีกี่แบบ?
รูปแบบชนิดของการจัดฟันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ
1)การจัดฟันแบบติดเครื่องมือ: เป็นวิธีจัดฟันที่ใช้กันมาอย่างแพร่หลาย เช่น
- เครื่องมือทำด้วยวัสดุที่เป็นโลหะ (METAL BRACKET)
- เครื่องมือทำด้วยวัสดุที่เป็นเซรามิก (CERAMIC BRACKET)
- การจัดฟันแบบ DAMON
2)การจัดฟันแบบถอดได้ : สามารถถอดออกได้ และแทบจะไม่เห็นเครื่องมือ เช่น
- Clear Aligner
- Invisalign
โดยทั้ง 2 ประเภทนี้ มีราคาที่แตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับตามลักษณะและชนิดของเครื่องมือจัดฟัน ดังนั้นควรเลือกตามความเหมาะสมและ ตามความต้องการ ของผู้ใช้เอง
จัดฟันแบบโลหะติดแน่น (METAL BRACKET) หรือ เหล็กจัดฟัน
คือ การ จัดฟัน ด้วยเหล็กจัดฟันแบบติดแน่น เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นจะเลือกการจัดฟันวิธีนี้ เหล็กจัดฟันแบบนี้จะประกอบด้วย แบร็คเก็ต ยางจัดฟัน และลวดจัดฟัน ซึ่งจะเป็นการจัดฟันโดยการติดเครื่องมือแบบโลหะไว้ที่ผิวด้านหน้าของฟัน ใส่ลวดผ่านร่อง Bracket และใช้ยางโอริง (O-ring) สีสันสดใส่รัดตัวเครื่องมือจัดฟันให้ติดกับลวดจัดฟัน การเลือกสียางที่ติดบนเครื่องมือจัดฟันก็ยังช่วยนำเสนอบุคลิกที่เป็นตัวตนของคุณ ทำให้คุณมีความสนุกกับการจัดฟันมากขึ้น การจัดฟันแบบนี้เป็นแบบมาตรฐานที่นิยมจัดกันทั่วไป
ผู้มารับบริการส่วนใหญ่จะเลือกการจัดฟันแบบนี้ พบทันตแพทย์จัดฟันทุกๆ 4-6 สัปดาห์ เพื่อปรับเครื่องมือจัดฟัน และให้ฟันเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ต้องการ การจัดฟันแบบนี้มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจัดฟันชนิดอื่นๆ โดยการจัดฟันอาจต้องใช้เวลาตั้งแต่หนึ่งถึงสามปี
ข้อดีของการ จัดฟันแบบโลหะ
- สามารถใช้ในการจัดฟันได้ในทุกรูปแบบ
- เหล็กจัดฟันในปัจจุบันมีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาขึ้น และดูไม่เหมือนโลหะเหมือนแต่ก่อน
- เป็นการติดเครื่องมือที่ทำด้วยวัสดุที่เป็นโลหะ ผิวเรียบเป็นมันวาว ทำให้คราบอาหารและ จุลินทรีย์ติดได้ยากกว่าวัสดุชนิดอื่นครับ
- เป็นการติดด้านนอกของฟัน จึงทำให้การทำความสะอาดได้ง่าย สะดวกขึ้น
- ราคาที่ย่อมเยากว่าแบบอื่นๆ
- นอกจากนี้ยังรวมไปถึงสีสันของยางที่มีให้เลือกใช้ได้หลากหลายอีกด้วยสีสันสดใส
- เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา ที่มีงบประมาณจัดฟันจำกัด และผู้ที่มีเวลาสามารถมาพบทันตแพทย์ได้บ่อย ๆ ครับ
แบร็คเก็ตธรรมดา โลหะ
Metal Bracket
แบร็คเก็ต ดาม่อน
Damon Bracket
จัดฟันแบบใส
Invisalign (Clear Aligner)
จัดฟันดาม่อน DAMON
การที่เครื่องมือที่มีคุณสมบัติในการขันด้วยตัวเอง ( Self-ligating Braces ) คือแบร็คเก็ต จะใช้กลไกการเลื่อน โดยไม่ต้องใช้ใช้ยางรัดฟันแบบเดิม ที่มีแรงฝืด ทำให้การเคลื่อนฟันสามารถทำได้อย่างนุ่มนวลมากขึ้น ทำได้เร็วขึ้นช่วยลดระยะเวลาในการรักษาให้น้อยลงกว่าเวลาที่ต้องใช้ในการจัดฟันแบบเหล็กปกติ ลดความเจ็บปวด
ด้วยการใช้เหล็กจัดฟันระบบแบบดามอน (Damon system) ฟันจะเคลื่อนที่ได้อิสระกว่า ทันตแพทย์จัดฟันจึงสามารถเคลื่อนฟันได้ง่ายกว่าแบบเหล็กทั่วไป ใช้แรงในการเคลื่อนฟันน้อยกว่า ผู้ป่วยจึงรู้สึกเจ็บปวดฟันหลังการปรับเครื่องมือน้อยกว่าการจัดฟันแบบเหล็กธรรมดา
ข้อดีของการจัดฟันแบบดามอน
- ร่นระยะเวลาจัดฟันลงได เพราะใช้เทคโนโลยีแบบ self-ligatingลักษณะจะเป็นบานพับเปิดปิด ลดแรงเสียดทาน ส่งผลให้ฟันเคลื่อนที่ไว
- ดูสวยงามกว่าด้วย เพราะ แบร็คเก็ตมองไม่ค่อยเห็น ไม่เหมือนแบร็คเก็ตโลหะแบบดั้งเดิม
- ส่วนใหญ่ไม่ต้องถอนฟัน
- ไม่ต้องใช้ยาง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องยางขาด หรือยางเสื่อมสภาพ
- รู้สึกเจ็บน้อยกว่าการจัดฟันแบบโลหะ เพราะกลไกควบคุมเเรงในการเคลื่อนฟันได้ดีกว่าแบบโลหะที่ใช้ยางรัดฟัน และช่วยย่นระยะเวลาในการรักษาให้เร็วขึ้น
- เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เพราะสามารถดูเเลความสะอาดฟันได้ง่าย ลดโอกาสการเกิดฟันผุ และโรคเหงือกอักเสบได้
จัดฟันดามอน มี 2 รุ่นคือ
- Damon Q ที่เป็นโลหะ
- Damon clear เป็นแบบใส
จัดฟันใส (CLEAR ALIGNER)
จัดฟันแบบใส เป็นนวัตกรรมการจัดฟันแบบใหม่ เน้นความสวยงามเป็นหลัก เพราะใช้เครื่องมือโปร่งใสช่วยปรับการเรียงตัวของฟัน เป็นเครื่องมือจัดฟันที่สามารถถอดใส่ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใส่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น ผู้มารับบริการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อยากจัดฟันแต่ไม่อยากติดเครื่องมือจัดฟัน การจัดฟันแบบใสมีราคาค่าใช้จ่ายในการจัดฟันสูงกว่าแบบเหล็ก 2-3 เท่า ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการซ้อนเกของฟันในปัจจุบันมีอยู่มากมายใยตลาด ดังนั้น ขอแบ่งประเภท เครื่องมือจัดฟันแบบใส เป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ
- CLEAR ALIGNER แบบ INVISALIGN (Align Technology)
- CLEAR ALIGNER ชนิดอื่นๆที่ไม่ใช่ Invisalign ซึ่งจะมีชื่อเรียกตามบริษัทที่ผลิต เช่น Angelalign, Danaher Ormco, Smartee, Irok, BioMers, ClearPath Orthodontics, Geniova, Clarus Company, EZ SMILE, 3M เป็นต้น
1)การจัดฟันใส invisalign
คือ การจัดฟันแบบที่ติดเครื่องมือจัดฟันบนฟันแบบเป็นตุ่มนูนเล็กๆสีเหมือนฟัน และมีเครื่องมือจะเป็นแผ่นวัสดุใสๆ บางๆ เป็นชิ้นงานที่ทำจากแลปในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอุปกรณ์เหล่านี้จะจัดทำขึ้นโดยการแสกนฟันร่วมกับการเอกซเรย์โครงสร้างกระดูกและใบหน้า
เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมร่วมกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยในการที่จะสร้างอุปกรณ์จัดฟันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกับคนไข้แต่ละคนออกแบบมาเพื่อเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม คนไข้จะต้องเปลี่ยน เครื่องมือจัดฟันอันใหม่เป็นประจำทุก ๆ 1-2 เดือน และทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าฟันจะเข้าที่
Invisalign เริ่มบุกเบิกและพัฒนาโดยบริษัท Align Technology เป็นต้นแบบของเครื่องมือจัดฟันแบบใสที่ได้รับความนิยมที่สุด
ข้อดีของการ จัดฟัน INVISALIGN
- การ จัดฟัน ประเภทนี้การจัดฟันแบบใสจะเป็นแบบถอด และใส่เองได้ การที่สามารถถอดเครื่องมือได้ด้วยตนเองในกรณีที่จำเป็น เช่น เวลาทานอาหาร หรือตอนแปรงฟัน ทำให้ผู้ที่จัดฟันได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าการจัดฟันแบบอื่น
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใส่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น ผู้มารับบริการส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อยากจัดฟันแต่ไม่อยากติดเครื่องมือจัดฟัน มีราคาค่าใช้จ่ายในการ จัดฟัน สูงกว่าแบบเหล็ก 2-3 เท่า ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการซ้อนเกของฟันจะมองไม่เห็นเครื่องมือ สะดวก
- ไม่ต้องทนเจ็บจากเครื่องมือแบบติดแน่น สามารถถอดใส่ง่าย รับประทานอาหารหรือเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ
- เหมาะกับกลุ่มดารา นักธุรกิจที่ต้องใช้หน้าตา และความน่าเชื่อถือ เพราะสามารถจัดฟันได้โดยไม่ต้องใส่เหล็กดัดฟัน สามารถพูด หรือออกเสียงได้อย่างชัดเจน
โดยระยะเวลาการจัดฟันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6 เดือน-3 ปีขึ้นไปหรือมากกว่า สามารถแบ่งเป็น 5 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
- invisalign Go (ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-6 เดือน)
- invisalign express (ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6-12 เดือน)
- invisalign Lite (ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12-18 เดือน)
- invisalign Full (Moderate) (ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 18 -24 เดือน)
- invisalign Full (Comprehensive) (ระยะเวลาการรักษาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 24+ เดือน)
โดยจุดเด่นของ invisalign คือ การที่เครื่องมือมีลักษณะใสทำให้มองเห็นได้ยาก รวมถึงการที่สามารถถอดเครื่องมือได้ด้วยตนเองในกรณีที่จำเป็น เช่น เวลาทานอาหาร หรือตอนแปรงฟัน ทำให้ผู้ที่จัดฟันได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าการจัดฟันแบบอื่น
จัดฟันใส CLEAR ALIGNER
การจัดฟันใส clear aligner การจัดฟันใส ที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับ การจัดฟันแบบ Invislaign เมื่อเทียบกันด้วยตาเปล่าหรือถ้าไม่เคยจัดฟันมาก่อน อาจจะแยกไม่ออกถึงความแตกต่างในเชิงรูปลักษณ์
จัดฟันใสแบบ clear aligner แตกต่างกับการจัดฟันแบบทั่วไปอย่างไร
โดยเมื่อเทียบกับ การจัดฟันใส invisalign จะมีความแตกต่างกันคือการจัดฟันใส clear aligner จะมีทันตแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยและออกแบบเครื่องมือจัดฟันให้กับคนไข้เอง ไม่ได้ใช้ระบบการสแกน สามมิติ และไม่ต้องส่ง แล็ปที่อเมริกา
ข้อดีของการจัดฟันใส CLEAR ALIGNER
การรักษาของ Clear aligner นั้น จะเหมาะกับคนที่มี ปัญหาของการจัดฟันเพียงเล็กน้อย หรือคนที่เคยจัดฟันแล้ว ไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์ การแก้ไขด้วยการจัดฟันชนิดนี้ ก็จะช่วยให้ฟันของคุณกลับมาเรียงตัวสวยงาม และ เป็นระเบียบอีกครั้ง ดังนั้น การมาพบกับหมอเพื่อมาปรับรูปแบบและการรักษาวินัย ในการใส่อุปกรณ์และการมาพบแพทย์จึงสำคัญมากๆ
จัดฟันเซรามิก (Ceramic Bracket)
เป็นการจัดฟันด้วยเครื่องมือเซรามิกใส ที่มองเห็นได้น้อยมาก เป็นเครื่องมือแบบติดแน่นมีความคล้ายคลึงกับแบบโลหะ แต่ทำจากวัสดุเซรามิกสีเหมือนฟัน Ceramic Braces ทำมาจาก Ceramic ใส ที่ยึดติดกับผิวฟันด้านหน้า แล้วใส่ลวดผ่านร่อง Bracket และใช้ยางแบบใสรัดเครื่องมือจัดฟันให้ติดกับลวดจัดฟัน เพื่อช่วยควบคุมทิศทางการเคลื่อนตัวของฟันไปในตำแหน่งที่ต้องการ มีสีใกล้เคียงกับสีฟัน
ข้อดี:
เครื่องมือจัดฟันประเภทนี้ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้สีและความใสใกล้เคียงสีฟันมากที่สุด ดังนั้นจึงมองไม่ค่อยเห็นว่าคนไข้กำลังจัดฟันอยู่ เนื่องจากเครื่องมือยังติดอยู่ที่ด้านนอกของฟันอยู่ ระยะเวลาการพบทันตแพทย์เหมือนการจัดฟันแบบโลหะ แต่การจัดฟันเซรามิก มีราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบเหล็กทั่วไป
เหมาะกับใคร:
การจัดฟันแบบจัดฟันเซรามิก เหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดฟัน แต่ไม่อยากให้คนสังเกตชัดเจน เนื่องจากมีหน้าที่และบุคลิก ในการทำงาน คนไข้ต้องมาปรับเครื่องมือจัดฟันทุก ๆ 1 เดือน ใช้ระยะเวลาการจัดฟัน 2 ปีขึ้นไปครับ
แบร็คเก็ต เซรามิก
Ceramic Bracket
จัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร
การจัดฟัน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฟันอย่างเดียว สาเหตุหนึ่งมากจากความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรร่วมด้วย เช่น ขากรรไกร ล่าง-บน ยื่น สั้น เบี้ยว ผิดรูป ทำให้การจัดฟันอย่างเดียวไม่สามารถช่วยได้พอในการแก้ปัญหา อาจจะต้องใช้การผ่าตัดร่วมด้วยกับการจัดฟัน
ในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของขากรรไกรมาก จะทำให้ฟันสบไม่เข้าที่และรูปหน้าดูไม่สมส่วน จะแก้ไขด้วยการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร (Orthognathic Surgery) การผ่าตัดมักจะทำเมื่อผู้ป่วยหยุดการเจริญเติบโตแล้ว โดยอาจผ่าตัดที่ขากรรไกรเดียว หรือทั้งสองขากรรไกร และอาจผ่าตัดเสริมที่คางได้ด้วย
ภาพก่อนผ่าตัด
Before Surgery
ภาพหลังผ่าตัด
After Surgery
ขั้นตอนการจัดฟัน ร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร
เริ่มจากตรวจการสบฟัน พิมพ์ปาก และเอ็กซ์เรย์เหมือนการจัดฟันทั่วไป แต่เมื่อทันตแพทย์ผู้ให้การรักษาทางทันตกรรมวินิจฉัยว่าความผิดปกติมีสาเหตุ มาจากกระดูกขากรรไกร ทันตแพทย์จะแนะนำทางเลือกที่เป็นการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร หากผู้ป่วยสนใจแผนการรักษาร่วมกับการผ่าตัด ควรนัดปรึกษากับทันตแพทย์ผู้ที่จะทำการผ่าตัด (Oral Surgeon) เพื่อวางแผนการรักษา ประเมินค่าใช้จ่าย ตลอดจนซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินในการเลือกแผนการรักษา
การรักษาด้วยการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกรประกอบด้วย 3 ส่วนดังนี้คือ
การจัดฟันก่อนการผ่าตัด (Presurgical Orthodontics)
มักใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ปี และอาจต้องมีการถอนฟันร่วมด้วย หากฟันซ้อนเกมาก การจัดฟันก่อนผ่าตัด จะใช้เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นเคลื่อนฟันในแต่ละขากรรไกรไปในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับขากรรไกรนั้น ๆ เนื่องจากการสบฟันที่ผิดปกตินั้น ฟันจะล้มเอนตามธรรมชาติไปในแนวที่ปิดบังความผิดปกติของขากรรไกร
ดังนั้นการแก้การล้มเอนตามธรรมชาติและจัดเรียงฟันให้ได้ตำแหน่งที่ถูกต้องบน แต่ละขากรรไกรก่อนการผ่าตัด มักจะทำให้การสบฟันก่อนผ่าตัดรวมทั้งใบหน้าดูแย่ลงชั่วคราว ทันตแพทย์จะตรวจเช็คว่าฟันบนล่างจะสัมพันธ์กันหรือไม่ โดยการให้ผู้ป่วยเลื่อนขากรรไกรล่างออกมาข้างหน้าในกรณีที่ขากรรไกรล่างเล็ก กว่าบน หรือตรวจด้วยการพิมพ์ปากเพื่อเช็คตำแหน่งฟันโดยละเอียดนอกปาก
การผ่าตัดขากรรไกร (Orthognathic Surgery)
เมื่อพร้อมที่จะทำการผ่าตัดขากรรไกร หมอจัดฟันจะพิมพ์ปาก และเอ็กซ์เรย์อีกครั้งเพื่อจำลองการผ่าตัดในแบบฟันและ เตรียมทำเฝือกสบฟันสำหรับใช้ในห้องผ่าตัด ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำในการเตรียมตัวก่อนและหลังการผ่าตัดจากทันตแพทย์ผู้ ทำการผ่าตัด
การผ่าตัดจะทำในโรงพยาบาล และผู้ป่วยมักจะต้องพักฟื้น 1-3 วันในโรงพยาบาล และพักต่อที่บ้านอีกประมาณ 2-4 สัปดาห์แล้วแต่ทันตแพทย์แนะนำ
การจัดฟันหลังการผ่าตัด (Postsurgical Orthodontics)
เป็นการจัดฟันในรายละเอียดเพื่อให้การสบฟันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยมากจะใช้หนังยางดึงฟันร่วมด้วย และมักจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
ข้อมูลจาก : สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย
ขั้นตอนการจัดฟัน
ขั้นตอน จัดฟัน ทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับรูปแบบในการจัดฟัน ในที่นี่เราแบ่งอธิบายขั้นตอนตามประเภทของการจัดฟัน คือ การจัดฟันด้วยเครื่องมือเเบบติดเเน่น และการจัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ
ขั้นตอนการจัดฟันที่ 1 : ปรึกษาทันตแพทย์
วันแรก เพื่อให้คุณหมอได้ทราบประวัติทันตกรรมที่ผ่านมา กรณีที่คนไข้มีโรคประจำตัวหรือมีการแพ้ยาก็ควรแจ้งคุณหมอด้วย ทันตแพทย์จัดฟันจะแนะนำแผนการรักษาและเครื่องมือจัดฟันที่เหมาะสมกับท่าน พร้อมอธิบายแนวทางการรักษาแต่ละแบบและข้อควรปฏิบัติ เพื่อให้คนไข้ตัดสินใจด้วย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ขั้นตอนที่ 2 : พิมพ์ฟัน & X-ray ถ่ายรูป
เมื่อคนไข้เลือกรูแปบบการจัดฟันได้เเล้ว ทันตแพทย์จะเริ่มทำการพิมพ์ปาก สร้างแบบจำลองฟัน ถ่ายภาพ x-ray Digital ฟัน ถ่ายรูปนอกช่องปาก ถ่ายรูปในช่องปาก เพื่อการเรียงตัวของฟัน ขากรรไกร ดูการสบของฟัน เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาช่วยดีไซน์การจัดฟันที่จะช่วยเสริมโครงสร้างใบหน้าให้เข้ารูปสวยงามด้วย ขั้นตอนนี้จะมีค่าใช้จ่าย ในการพิมพ์แบบจำลองฟัน 1,000.- บาท ถ่ายภาพ x-ray Digital 700 บาท / ฟิล์ม
ขั้นตอนที่ 3 : เคลียร์ช่องปาก
หลังจากพิมพ์ฟัน และ X-ray ถ่ายรูป แล้ว จะเริ่มเคลียร์ช่องปาก เพื่อเตรียมสภาพฟันให้พร้อมกับการติดเครื่องมือจัดฟัน เช่น การขูดหินปูน การอุดฟันผุ การถอนฟันบางซี่ ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ทันตแพทย์จะแจ้งให้ท่านทราบ
คนไข้ก็จะได้ถือทำความสะอาดฟันด้วยการขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน ซึ่งเเล้วเเต่เคสที่แตกต่างกัน การถอนฟันเพื่อจัดฟันนั้นจำเป็นสำหรับบางเคสในการรักษา อยู่ที่ทันตแพทย์จัดฟันจะเป็นผู้วางแผนการรักษา ขั้นตอนนี้อาจใช้ระยะเวลาประมาณ 1-4 อาทิตย์ ก่อนจะเริ่มติดเครื่องมือจัดฟัน
ขั้นตอนที่ 4 : ติดเครื่องมือจัดฟัน
- ขั้นตอนการจัดฟันด้วยการติดเครื่องมือ (แบบที่มองเห็นเครื่องมือบนผิวฟัน)
ทันตแพทย์ทำการจัดฟัน เเละคอยนัดทุกๆ 1 เดือน เพื่อปรับเครื่องมือจัดฟัน ติดตามดูการเคลื่อนที่ของฟัน ใช้ระยะเวลาในการรักษา 2-3 ปี - ขั้นตอนการจัดฟันแบบที่มองไม่เห็น หรือแบบใสนั้นเอง (ซึ่งจะสามารถถอดออกได้ระหว่างจัดฟัน) ซึ่งจะช่วยปรับตำแหน่งของฟัน โดยเครื่องมือจัดฟันจะส่งแรงกดไปบนฟันอย่างนุ่มนวลเพื่อให้ฟันเคลื่อนที่บนกระดูกขากรรไกร โดยจะนัดประมาณ 2-3 เดือนต่อครั้ง
ขั้นตอนที่ 5 : รับรีเทนเนอร์
เมื่อการรักษาเสร็จสมบูรณ์ ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟัน ทำรีเทนเนอร์เพื่อคงสภาพฟัน ให้คนไข้ใส่อย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันฟันเคลื่อน
ปรึกษาทันตแพทย์
พิมพ์ฟัน & X-ray ถ่ายรูป
ติดเครื่องมือจัดฟัน
ปรับเครื่องมือ
นัดหมายทำฟัน
รับรีเทนเนอร์
ข้อควรรู้ก่อนจัดฟัน
- นัดหมายเพื่อพบกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ในการวางแผนการรักษาจัดฟัน และให้ข้อมูลรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการจัดฟัน เพื่อให้คนไข้นำไปพิจารณาในการตัดสินใจจัดฟันโดยทันตแพทย์จะตรวจสภาพฟัน เพื่อดูว่าคนไข้สมควรจะจัดฟันหรือไม่ หากตรวจดูแล้วพบว่า การจัดฟันจะสามารถแก้ปัญหาฟันของคนไข้ได้
- ทันตแพทย์ก็จะทำการพิมพ์ฟัน เพื่อทำแบบจำลองการสบฟัน เอ็กซเรย์กะโหลกศรีษะและใบหน้า รวมทั้งถ่ายภาพ เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนในช่องปาก และนำข้อมูลทั้งหมดไปใช้ในการวางแผนการรักษาในการจัดฟัน
- ก่อนการติดเครื่องมือจัดฟัน จะต้องเคลียร์ช่องปากให้เรียบร้อย เช่นขูดหินปูน อุดฟัน ถอนฟัน รักษารากฟัน หรือ ผ่าฟันคุด เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของสุขภาพช่องปาก และฟัน ก่อนที่จะทำการติดเครื่องมือจัดฟัน เพราะถ้าได้ติดเครื่องมือจัดฟันไปแล้ว แล้วต้องทำการอุดฟัน หรือ ทำการรักษาฟันใดๆ จะทำให้การรักษานั้นยุ่งยาก และทำด้วยความลำบากมากยิ่งขึ้น และเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาฟันผุ เหงือกอักเสบ ในระหว่างการจัดฟัน
- เมื่อเคลียร์ช่องปากแล้ว ทันตแพทย์จะติดอุปกรณ์จัดฟันให้ ในขั้นตอนนี้จะไม่มีความเจ็บปวด แต่หลังจากติดเครื่องมือไป คนไข้อาจจะรู้สึกปวดตึง เนื่องจากอุปกรณ์จัดฟันนั้นจะทำหน้าที่ขยับฟัน หรือดึงฟัน เพื่อย้ายตำแหน่งไปยังจุดที่ต้องการอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งถ้าปวดมากในระยะแรก ก็สามารถทานยาแก้ปวดได้
- ควรเน้นเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดช่องปาก ตามคำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟัน ควรแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันอย่างถูกวิธี และสม่ำเสมอ รวมทั้งทำความเข้าใจถึงข้อแนะนำ และข้อห้ามระหว่างที่จัดฟัน เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามแผนการรักษาในระยะเวลาที่ทันตแพทย์ได้วางแผนไว้
- ทันตแพทย์จะมีการนัดหมายเพื่อปรับอุปกรณ์เป็นระยะ ซึ่งแต่ละเครื่องมือจัดฟันก็จะมีการนัดหมายที่แตกต่างกันออกไป (โดยทั่วไปเดือนละ 1 ครั้ง) ซึ่งในการนัดหมายแต่ละครั้ง คนไข้ควรจะต้องมาให้ตรงตามนัด เพื่อให้แผนการรักษาไม่คลาดเคลื่อน และได้ผลที่ดีที่สุด
- นอกเหนือจากการนัดหมายทันตแพทย์เพื่อปรับอุปกรณ์แล้ว คนไข้ควรจะนัดตรวจสุขภาพฟัน ทำความสะอาด และขูดหินปูนตามปกติทุก ๆ 6 เดือนด้วย เพื่อป้องกันการเกิดเหงือกอับเสบระหว่างการจัดฟัน
- หลังถอดเครื่องมือจัดฟัน ทันตแพทย์จะให้ใส่รีเทนเนอร์ ซึ่งคนไข้จะต้องใส่ต่อเนื่องไปตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ฟันคงอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องสวยงามตลอดไป
สอนแปรงฟัน
วางแผนการรักษา
ชนิดของการสบฟัน
คำถามที่พบบ่อยจากสมาคมจัดฟัน
จัดฟันหน้าเรียวไหม รูปหน้ากับการจัดฟัน
การเปลี่ยนแปลงรูปหน้าหลังการจัดฟัน เกิดขึ้นได้จากสาเหตุต่อไปนี้ประการใดสาเหตุหนึ่งหรือร่วมกัน
การเจริญเติบโตของใบหน้าและขากรรไกร ซึ่งเติบโตมากในช่วงวัยรุ่น และโตเต็มที่เมื่อ อายุประมาณ 14-16 ปีในผู้หญิง และ ประมาณ 18 ปีในผู้ชายขนาดของขากรรไกรถูกกำหนดโดยพันธุกรรมเป็นส่วนใหญ่ การจัดฟันด้วยเครื่องมือมีผลต่อการเจริญเติบโตของขากรรไกรในช่วงที่ยังโตไม่ เต็มที่ จะสามารถยับยั้งหรือกระตุ้นการเจริญของขากรรไกรบนได้เล็กน้อย หลังจากช่วงวัยรุ่นไปแล้ว ใบหน้าและขากรรไกรไม่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่บริเวณจมูกและคางจะยังยื่นขึ้นได้เล็กน้อยเมื่ออายุมากขึ้น
การเคลื่อนฟัน เนื่องจากฟันหน้าเป็นส่วนพยุงริมฝีปากไว้ ดังนั้น การเคลื่อนฟันหน้าไปด้านหน้าหลังจะมีผลต่อรูปปากได้ เช่น การถอนฟันและดึงฟันหน้าไปข้างหลังจะมีผลทำให้ริมฝีปากยุบลง การผ่าตัดขากรรไกร สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดและรูปร่างของขากรรไกรได้อย่างเด่นชัด
เครื่องมือขยายขากรรไกรบน
เครื่องมือขยายขากรรไกรบน (Palatal Expander) ใช้สำหรับขยายขากรรไกรบนที่แคบให้กว้างขึ้น เพื่อให้สัมพันธ์กับขนาดขากรรไกรล่าง และมีเนื้อที่สำหรับเรียงฟันที่ซ้อนเก เครื่องมืออาจเป็นแบบติดแน่นหรือแบบถอดได้ที่มีเครื่องมือขยายขากรรไกรอยู่ ที่กลางเพดานปาก ทันตแพทย์จะแนะนำวิธีไขสกรูที่เครื่องมือเพื่อให้เครื่องมือขยายออก และจำนวนที่ไข เช่นกี่วันต่อครั้ง ผู้ป่วยควรไขสกรูตามที่ทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด หากลืมไขสกรู ห้ามไขเพิ่มจำนวนย้อนหลัง
เพราะการไขสกรูถี่เกินไป อาจเกิดผลเสียได้ และหยุดไขเมื่อครบจำนวน การจดบันทึกการไขสกรูไว้หรือทำเครื่องหมายบนปฏิทินว่าได้ไขสกรูแล้ว จะช่วยเตือนความจำได้ดี
เมื่อเริ่มไขสกรูแรก ๆ อาจมีอาการแน่นบริเวณขากรรไกรบน และจมูก ต่อไปเมื่อขากรรไกรขยายออก อาจจะมีช่องเปิดตรงกลางระหว่างฟันหน้าบน ซึ่งช่องนี้จะค่อย ๆ ปิดเองใน 2-3 เดือน ผู้ป่วยควรรักษาความสะอาดของเครื่องมือด้วยการบ้วนปากหรือแปรงฟันหลังอาหาร ทุกครั้งเพื่อกำจัดเศษอาหาร หากเป็นเครื่องมือถอดได้ควรถอดเครื่องมืออกมาทำความสะอาดทุกครั้งหลังอาหาร
หนังยางดึงฟัน
การเลื่อนฟันบางตำแหน่งในการจัดฟัน ต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ โดยการใส่หนังยางดึงฟัน (Elastic) ตามที่ทันตแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดจะทำให้ฟันเลื่อนเข้าที่ได้รวดเร็ว ทันตแพทย์จะแนะนำวิธีใส่หนังยาง ทิศทางและตำแหน่งของหนังยาง รวมทั้งระยะเวลาในการใส่ เช่น ใส่ตลอดเวลา หรือ ใส่เฉพาะบางเวลา ผู้ป่วยควรเปลี่ยนหนังยางทุก 12 – 24 ชั่วโมงหลังใส่ เพราะยางจะล้า หมดแรงดึง ควรใส่หนังยางคืนทันทีหลังทานอาหารและหลังทำความสะอาดฟัน การใส่หนังยางไม่สม่ำเสมอ ฟันจะเลื่อนไปแล้วเลื่อนกลับ ถ้าตะขอที่เกี่ยวหนังยางบิด หรือหัก ให้รีบติดต่อทันตแพทย์ทันที ฟันที่เกี่ยวหนังยางอาจมีอาการเจ็บ ๆ หรือ โยกเล็กน้อย หลังใส่หนังยางเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นปกติ ไม่ต้องกังวล ถ้ามีอาการมากผิดปกติ ให้ติอต่อทันตแพทย์
Headgear
Headgear เป็นเครื่องมือพิเศษที่ช่วยในการจัดฟัน โดยใช้ดันฟันบนไปข้างหลัง หรือใช้เสริมฟันหลัก ใส่ Headgear ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรืออย่างน้อยวันละ 12-14 ชั่วโมง รวมทั้งเวลานอน ไม่มีการใส่ที่มากเกินไป โดยทั่วไปไม่ควรใส่ Headgear เมื่ออยู่นอกบ้านเพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ ไม่ใส่ headgear ขณะวิ่ง หรือเล่นกีฬา ระวังไม่ให้ผู้อื่นดึง Headgear ขณะที่ใส่อยู่
การถอดใส่ Headgear ควรทำอย่างระมัดระวัง เพราะอาจทำให้เครื่องมือจัดฟันในปากหลุดหลวม หรือตะขอของ Headgear ทิ่มปาก หน้า หรือตาได้ หากเครื่องมือที่ Headgear เกี่ยวอยู่หลุดหรือหลวม ให้หยุดใช้ Headgear แล้วติดต่อทันตแพทย์ทันที Headgear ชนิดที่ดึงด้วยหนังยาง ให้เปลี่ยนยางทุก ๆ 3-4 วัน ฟันที่ Headgear เกี่ยว อาจมีอาการเจ็บ ๆ เล็กน้อยหลังใส่ Headgear เป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งเป็นปกติ แสดงว่าฟันเริ่มเคลื่อนที่ พยายามใส่ Headgear สม่ำเสมอต่อไป
ข้อมูลจาก สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย
รูปหน้าก่อนจัดฟัน
รูปหน้ากหลังจัดฟัน
เครื่องมือจัดฟันมีอะไรบ้าง?
เพื่อให้เข้าใจวิธีการจัดฟันมากขึ้น ควรทำความรู้จักเครื่องมือจัดฟันร่วมด้วย เพื่อเป็นข้อมูล หากเกิดความผิดปกติจะได้ปรึกษาหรือสื่อสารข้อมูลกับทันตแพทย์ได้ง่ายขึ้นครับ
ยางจัดฟัน หรือโอริง (O-Ring) :เป็นยางจัดฟันที่ติดเป็นซี่ ๆ เรียกว่าโมดูล หรือโอริงจัดฟัน (O-Ring) มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ลวดหลุดออกจาก bracket
ยางจัดฟันเชน หรือ C-Chain : เป็นยางจัดฟันที่มีลักษณะต่อยาวเป็นเส้นเดียว มีทำหน้าที่รวบฟันให้ชิดกัน
ยางวง (Rubber band) : ทำหน้าที่ช่วยให้ฟันเลื่อนเข้าที่ได้รวดเร็วขึ้นครับ มีลักษณะคล้ายกับโอริงจัดฟัน (O-Ring) แต่จะมีความยืดหยุ่นมากว่า ข้อดีคือคนไข้สามารถถอดและใส่ได้ด้วยตนเอง ต่างจาก O-Ring และ C-Chain ที่คนไข้ไม่สามารถถอดออกในระหว่างเดือนด้วยตนเอง
ยางแยกฟัน (Separator) : ใช้ในการเตรียมฟันเพื่อใส่เครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นครับ ทำหน้าที่ค่อยๆ ดันฟันหลักให้หลวมขึ้นเพื่อเป็นที่อยู่ของแหวนจัดฟันหรือแบนด์ (band)
แหวนจัดฟัน ( Band ) มีลักษณะเป็นวงแหวนใช้สำหรับครอบยึดติดกับตัวฟัน ทำจากแผ่นโลหะเหล็กพิเศษ โดยส่วนใหญ่จะทำการใส่แหวนจัดฟันที่ฟันกราม
แบรกเกต (Bracket) : เป็นเครื่องมือจัดฟัน ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับฟันแต่ละซี่ครับ ลักษณะมีร่องตรงกลางสำหรับใส่ลวด ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนของฟันได้ทุกทิศทาง ช่วยให้การสบฟันและตำแหน่งของฟันเป็นไปตามความต้องการ
ลวดมัดฟัน (Ligature wire): เป็นลวดเส้นเล็กๆคล้ายด้าย สำหรับ รัดฟันให้ติดกับแบร็คเก็ต (Ligation) หรือ รัดฟัน (En Masse)ให้อยู่ด้วยกันไม่แตกออกจากกัน
ลวดทำตะขอ (Kobayashi) : เป็นลวดที่มีตะขอ สำหรับใช้ในการเกี่ยวยางวง
หมุดตรึงฟัน (Temporary Anchorage Devices) : เครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายน๊อตเกลียวปล่อยทำจาก สแตนเลส (Stainless Steel) หรือ ไทเทเนียม (Titanium) มีหน้าที่ช่วยเสริมแรงเพื่อช่วยให้การเคลื่อนฟันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและสวยงามขึ้นตามเป้าหมายของการจัดฟัน ส่วนมากใช้ในกรณีที่ไม่สามารถดึงฟันแบบธรรมดาได้
สปริงสำหรับแก้ไขการสบฟันแบบที่ 2 (Cl.2 Corrector): เป็นเครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายโช๊คอัพรถ วัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการแก้ไข การสบฟันที่ผิดปกติแบบคลาสทู นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้ในการปิดช่องว่างที่เกิดจากการถอนฟันกรามได้ด้วย
หนามฝึกการกลืน (Spike): มีลักษณะเป็นหนามแหลมส่วนมากจะนำมาติดบริเวณด้านในลิ้นของฟันหน้าล่าง เพื่อช่วยให้คนไข้ฝึกการกลืนและการวางลิ้นในตำแหน่งที่ถูกต้อง โดยเฉพาะในช่วงเวลานอน
ปุ่มยกระดับการสบฟัน (Raise Bite) : เป็นเครื่องมือที่ทำจากพลาสติกที่ติดทั้งฟันหน้า (Anterior Raising Bite) และฟันหลัง (Posterior Raising Bite) โดยมีวัตถุประสงค์ในการช่วยการจัดฟันที่มีความผิดปกติบางอย่างเช่น สบลึก หรือสบเปิดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สปริงดึงหรือดันฟัน (Open / Close Coil Spring) : เป็นสปริงที่ทำจากโลหะไทเทเนียม ซึ่งใช้สำหรับการดึงฟันเพื่อปิดช่องว่าง หรือ ดันฟันเพื่อเปิดช่องว่าง
แบร็คเก็ตโลหะ
Metal Bracket
หนามช่วยฝึกการกลืนและการวางลิ้น
โอริง ยางรัดฟัน
O ring
ยางแยกฟัน
Elastic Separator
สปริงดึงฟัน และ ยางดึงฟัน
Elastic Chain and Coil Spring
หมุดตรึงฟัน
Screw
ข้อควรปฏิบัติในระหว่างการจัดฟัน
1. การติดเครื่องมือจัดฟันจะทำให้มีเศษอาหารติดที่ฟันได้ง่ายรวมไปถึงการทำความสะอาดฟันจะมีความยากลำบากมากขึ้น ผู้ที่จัดฟันจึงต้องเพิ่มความละเอียดในการทำความสะอาดฟันรวมไปถึงการใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดฟันผุ
2. ควรรับประทานอาหารที่เคี้ยวง่ายเพื่อป้องกันเครื่องมือจัดฟันเสียหาย หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีลักษณะแข็งและเหนียว เพราะนอกจากจะทำให้เหล็กจัดฟันเสียหายแล้ว อาจจะทำให้ปวดฟันอีกด้วย ควรใช้ฟันกรามเคี้ยวอาหารจะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้
3. ควรไปพบทันตแพทย์ตามนัดเป็นประจำ เนื่องจากการขาดความต่อเนื่องในการรักษาจะทำให้ระยะเวลาในการจัดฟันนานขึ้น รวมไปถึงผลลัพธ์ของการรักษาอาจไม่เป็นไปตามที่วางใว้อีกด้วย
สอนแปรงฟัน
หลังจากติดเครื่องมือครั้งแรก
คำถามที่พบบ่อย
จัดฟันได้ตั้งแต่ตอนอายุเท่าไร
การจัดฟันนั้นสามารถทำได้ในช่วงอายุที่เหมาะสมประมาณ 10-14 ปี การจัดฟันตั้งแต่อายุไม่มากจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องฟันซ้อนเกได้อย่างดี เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังมีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้าและช่วงปากมากที่สุด และยังส่งผลในการเคลื่อนตัวของฟันได้ง่าย หากมีความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรบน-ล่าง ควรรีบปรึกษาคุณหมอจัดฟันทันทีและควรเริ่มรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย
จัดฟันต้องถอนฟันไหม
เนื่องจากฟันของแต่ละคนซ้อนเกแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องให้คุณหมอจัดฟันตรวจสภาพช่องปากและฟัน ถ่าย x-ray เพื่อให้เห็นโครงสร้างใบหน้าและขากรรไกร โดยทั่วไปคนไข้ที่มีฟันซ้อนเกจำเป็นจะต้องถอดฟัน ต้องถอนกี่ซี่นั่น คุณหมอเฉพาะทางจัดฟัน จะวางแผนแนวทางการรักษาอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ เพื่อที่จะได้ผลการรักษาที่ดี ฟันเรียงตัวสวยงาม
จัดฟันเจ็บไหม
อาการเจ็บหรือปวดเพราะจัดฟัน เกิดจากการติดหรือปรับเครื่องมือใหม่ ฟันที่ถูกดึงถูกแรงกด จึงทำให้รู้สึกเจ็บปวด อาการเหล่านี้จะเป็นในช่วงแรกๆ เท่านั้น
ประเภทการดัดฟันมีกี่ชนิด
และคนไข้สามารถเลือกประเภทจัดฟันในการบำบัดรักษาได้เองหรือไม่ ?
ทันตกรรมดัดฟันแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประการ คือ
1. เครื่องมือจัดฟันชนิดติดแน่น ซึ่งจะเป็นโลหะที่ติดอยู่บนซี่ฟัน ตลอดช่วงเวลาของการบำบัดรักษา
2. เครื่องมือจัดฟันชนิดถอดได้ ซึ่งคนไข้สามารถถอดออกและใส่ได้เอง ซึ่งเครื่องมือแต่ละชนิดก็จะให้ผลในการบำบัดรักษาที่แตกต่างกัน การใช้เครื่องมือชนิดใด ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตัดสินใจของทันตแพทย์ดัดฟันถึงความจำเป็นและความเหมาะสมของเครื่องมือแต่ละชนิด
ระยะเวลาที่ใช้ในการดัดฟันนั้นนานเท่าใด ?
ขึ้นอยู่กับ ความผิดปกติที่ต้องการแก้ไขและความร่วมมือของคนไข้ หากคนไข้ให้ความร่วมมือดีผลการบำบัดรักษาก็จะออกมาดีและใช้ระยะเวลาสั้น แต่การรักษาโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี
ในการดัดฟันจะมีผลทำให้ฟันผุง่ายขึ้นหรือไม่ ?
ฟันที่ได้รับการบำบัดรักษาทางทันตกรรมดัดฟันก็เหมือนฟันปกติทั่วไป ซึ่งหากทำความสะอาด อย่างสม่ำเสมอและทั่วถึงแล้วก็ไม่มีโอกาสที่จะผุ
ในระหว่างดัดฟันจะต้องมีการดูแลความสะอาดเป็นพิเศษใดๆ หรือไม่ ?
โดยทั่วไปมักจะแนะนำให้คนไข้ดัดฟันแปรงฟันและทำความสะอาดฟันหลังอาหารทุกมื้อ ในกรณีที่ใช้เครื่องมือชนิดถอดได้ ก็ให้ทำความสะอาดเครื่องมือด้วยยาสีฟันและแปรงสีฟันร่วมด้วย นอกจากนี้ก็ควรงดเว้นอาหารรสหวานจัด หรือติดฟัน ในรายที่ใช้เครื่องมือ ชนิดติดแน่น ควรงดเว้นอาหารกรอบและแข็ง เช่น ถั่วต่างๆ , น้ำแข็ง เพราะมีโอกาสที่จะทำให้เครื่องมือ ที่ติดอยู่กับฟันหลุดออก อันจะมีผลให้ การบำบัดรักษายุ่งยากและไม่ได้ผลเท่าที่ควร
ในการดัดฟันนั้นเจ็บมากน้อยเพียงใด ?
ทุกครั้งที่มีการปรับหรือเปลี่ยนลวดที่ใช้ในการดัดฟัน คนไข้จะรู้สึกตึง หรือเจ็บบ้าง ในช่วงสัปดาห์แรก ของการปรับเปลี่ยนลวดดัดฟัน แต่หากรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงผิดปกติควรกลับไปพบทันตแพทย์ดัดฟันผู้ให้การบำบัดรักษาทันที
ค่าใช้จ่ายในการดัดฟันนั้นแพงหรือไม่ ?
ค่าใช้จ่ายในการดัดฟันนั้น จะแตกต่างกันไปบ้างขึ้นกับชนิด ของการบำบัดรักษา และระยะเวลาในการบำบัดรักษา ทั้งนี้คนไข้ควรสอบถาม และตกลงถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด และวิธีในการชำระค่าใช้จ่ายจากทันตแพทย์ดัดฟันผู้ให้การบำบัดรักษา ก่อนที่จะเริ่มต้นการบำบัดรักษาให้การบำบัดรักษาทันที
“ข้อมูลถาม-ตอบ เกี่ยวกับการดัดฟัน มาจากเวบไซต์ของ สมาคมทันตแพทย์จัดฟันแห่งประเทศไทย “
การจัดฟันนั้นสามารถทำได้ในช่วงอายุที่เหมาะสมประมาณ 10-14 ปี การจัดฟันตั้งแต่อายุไม่มากจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องฟันซ้อนเกได้อย่างดี เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายกำลังมีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้าและช่วงปากมากที่สุด และยังส่งผลในการเคลื่อนตัวของฟันได้ง่าย หากมีความผิดปกติของกระดูกขากรรไกรบน-ล่าง ควรรีบปรึกษาคุณหมอจัดฟันทันทีและควรเริ่มรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย
เนื่องจากฟันของแต่ละคนซ้อนเกแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องให้คุณหมอจัดฟันตรวจสภาพช่องปากและฟัน ถ่าย x-ray เพื่อให้เห็นโครงสร้างใบหน้าและขากรรไกร โดยทั่วไปคนไข้ที่มีฟันซ้อนเกจำเป็นจะต้องถอดฟัน ต้องถอนกี่ซี่นั่น คุณหมอเฉพาะทางจัดฟัน จะวางแผนแนวทางการรักษาอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ เพื่อที่จะได้ผลการรักษาที่ดี ฟันเรียงตัวสวยงาม
อาการเจ็บหรือปวดเพราะจัดฟัน เกิดจากการติดหรือปรับเครื่องมือใหม่ ฟันที่ถูกดึงถูกแรงกด จึงทำให้รู้สึกเจ็บปวด อาการเหล่านี้จะเป็นในช่วงแรกๆ เท่านั้น
และคนไข้สามารถเลือกประเภทจัดฟันในการบำบัดรักษาได้เองหรือไม่ ?
ทันตกรรมดัดฟันแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประการ คือ
เครื่องมือจัดฟันชนิดติดแน่น ซึ่งจะเป็นโลหะที่ติดอยู่บนซี่ฟัน ตลอดช่วงเวลาของการบำบัดรักษา
เครื่องมือจัดฟันชนิดถอดได้ ซึ่งคนไข้สามารถถอดออกและใส่ได้เอง ซึ่งเครื่องมือแต่ละชนิดก็จะให้ผลในการบำบัดรักษาที่แตกต่างกัน การใช้เครื่องมือชนิดใด ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตัดสินใจของทันตแพทย์ดัดฟันถึงความจำเป็นและความเหมาะสมของเครื่องมือแต่ละชนิด
ขึ้นอยู่กับ ความผิดปกติที่ต้องการแก้ไขและความร่วมมือของคนไข้ หากคนไข้ให้ความร่วมมือดีผลการบำบัดรักษาก็จะออกมาดีและใช้ระยะเวลาสั้น แต่การรักษาโดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี
ฟันที่ได้รับการบำบัดรักษาทางทันตกรรมดัดฟันก็เหมือนฟันปกติทั่วไป ซึ่งหากทำความสะอาด อย่างสม่ำเสมอและทั่วถึงแล้วก็ไม่มีโอกาสที่จะผุ
โดยทั่วไปมักจะแนะนำให้คนไข้ดัดฟันแปรงฟันและทำความสะอาดฟันหลังอาหารทุกมื้อ ในกรณีที่ใช้เครื่องมือชนิดถอดได้ ก็ให้ทำความสะอาดเครื่องมือด้วยยาสีฟันและแปรงสีฟันร่วมด้วย นอกจากนี้ก็ควรงดเว้นอาหารรสหวานจัด หรือติดฟัน ในรายที่ใช้เครื่องมือ ชนิดติดแน่น ควรงดเว้นอาหารกรอบและแข็ง เช่น ถั่วต่างๆ , น้ำแข็ง เพราะมีโอกาสที่จะทำให้เครื่องมือ ที่ติดอยู่กับฟันหลุดออก อันจะมีผลให้ การบำบัดรักษายุ่งยากและไม่ได้ผลเท่าที่ควร
ทุกครั้งที่มีการปรับหรือเปลี่ยนลวดที่ใช้ในการดัดฟัน คนไข้จะรู้สึกตึง หรือเจ็บบ้าง ในช่วงสัปดาห์แรก ของการปรับเปลี่ยนลวดดัดฟัน แต่หากรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงผิดปกติควรกลับไปพบทันตแพทย์ดัดฟันผู้ให้การบำบัดรักษาทันที
ค่าใช้จ่ายในการดัดฟันนั้น จะแตกต่างกันไปบ้างขึ้นกับชนิด ของการบำบัดรักษา และระยะเวลาในการบำบัดรักษา ทั้งนี้คนไข้ควรสอบถาม และตกลงถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด และวิธีในการชำระค่าใช้จ่ายจากทันตแพทย์ดัดฟันผู้ให้การบำบัดรักษา ก่อนที่จะเริ่มต้นการบำบัดรักษาให้การบำบัดรักษาทันที